รีวิว Huawei Mate 20 เรือธงกล้อง Leica Triple Camera โฉมใหม่ ผสานพลังแห่ง Kirin 980 ชิปเซ็ต 7nm Mobile AI รุ่นแรกของโลก และฟีเจอร์ไฮเอนด์ขั้นสุด ในราคาที่ไม่เกินเอื้อม!:: Thaimobilecenter.com

เรือธงกล้อง Leica 3 ตัว โฉมใหม่ ถ่ายกว้างสุดขอบแบบ Ultra Wide ผสานพลังแห่ง Kirin 980 ชิปเซ็ต 7nm Mobile AI รุ่นแรกของโลก พร้อมฉลาดขึ้นด้วย Dual-NPU, เทคโนโลยี GPU Turbo, จอไร้ขอบแบบหยดน้ำใหญ่ 6.53 นิ้ว, RAM 6GB, ROM 128GB, NM Card หน่วยความจำแห่งอนาคต บนความสดใหม่ของ Android 9.0 Pie และบอดี้กระจกไล่เฉดสีสุดพรีเมียม ในราคาที่ไม่เกินเอื้อม!

30 ตุลาคม 2018 - เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ สำหรับเรือธงตัวท็อปสุดประจำปี 2018 จากค่าย Huawei ที่มาพร้อมกันถึง 4 รุ่น 4 สไตล์ ได้แก่ Huawei Mate 20, Mate 20 Pro, Mate 20 X และ Mate 20 RS Porsche Design ที่มาพร้อมกับการปรับโฉมดีไซน์ใหม่หมดจดด้วยจอไร้ขอบที่มีขอบบางเฉียบกว่าเดิม และกล้องหลัง 3 ตัวจาก Leica รูปแบบใหม่ในลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส รวมถึงการอัปเกรดฟีเจอร์ภายในอีกหลายด้าน

สำหรับ Huawei Mate 20 ที่ถือเป็นรุ่นมาตรฐานของซีรีส์นี้ มาพร้อมการปรับโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ ด้วยจอไร้ขอบแบบใหม่อย่าง Dewdrop Display ที่มีการลดขนาดขอบหน้าจอทั้ง 4 ด้านเพื่อให้มีพื้นที่การแสดงผลมากขึ้น กับขนาดใหญ่ถึง 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 18.7:9 พร้อมรอยบากรูปแบบหยดน้ำสำหรับ กล้องหน้าคมชัด 24 ล้านพิกเซล บนตัวเครื่องที่ครอบด้วยกระจกขอบโค้ง 3D Glass ผสานกรอบด้านข้างตัวเครื่องโลหะแบบ Metal-Glass และการไล่เฉดสีแบบ (Gradient) เล่นกับเสงในมุมต่างๆ

ด้านสเปกภายในก็จัดมาให้แบบเต็มที่ด้วยชิปเซ็ตตัวท็อปใหม่ล่าสุดอย่าง HiSilicon Kirin 980 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะแบบ Dual-NPU ที่มีแกนประมวลผลเพิ่มเป็น 2 แกน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลผล CPU สูงขึ้น 75% ในขณะที่ประหยัดพลังงานมากว่าเดิมถึง 58% เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับชิป Kirin 970 รุ่นก่อนหน้า ทางด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ก็มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Mali-G76 รุ่นแรกของโลก ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าMali-G72 บน Kirin 970 เพิ่มขึ้นถึง 46% และประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 178% โดยจับคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ที่ 6GB พร้อมหน่วยความจำภายใน ROM 128GB ที่เพิ่ม NM Card (Nano Memory Card) หน่วยความจำภายนอกรูปแบบใหม่ที่มีขนาดเท่ากับ nanoSIM ได้อีก 256GB จึงรองรับการเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องหมั่นเคลียร์พื้นที่บ่อยๆ และมีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมเทคโนโลยี Huawei SuperCharge บนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดอย่าง Android 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย EMUI 9.0 รวมถึงระบบความปลอดภัยที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งการสแกนลายนิ้วมือ และใบหน้า

ไฮไลท์สำคัญของ Huawei Mate 20 จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกล้องถ่ายภาพ โดยกล้องตัวหลักที่ด้านหลังมีถึง 3 ตัว (Triple Camera) จากความร่วมมือกับทาง Leica เช่นเดิม ประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักเลนส์มุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยเก็บรายละเอียดในภาพถ่ายทั่วๆ ไป, กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 16 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทิศน์ในมุมกว้างๆ และกล้องตัวที่สามความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยจับภาพในระยะไกล ซึ่งรองรับเทคโนโลยี Master AI การนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นหัวใจของมือถือในยุคปัจจุบัน เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก และวัตถุต่างๆ ที่อยู่ภายในภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งแก้ไขด้านสีสัน, คอนทราสต์ และความสว่างแบบอัตโนมัติเพื่อให้ภาพถ่ายมีความสวยงามในชัตเตอร์เดียว ที่สามารถตรวจจับซีนต่างๆ ได้ถึง 1,500 ซีนจากทั้งหมด 25 หมวดหมู่ จากเดิมในรุ่น P20 Series ที่สามารถตรวจจับได้ 19 หมวดหมู่ และฟังก์ชัน Super Marco ที่สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้สุดที่ระยะ 2.5 เซนติเมตร ทำให้การถ่ายภาพตัวอักษร, การถ่ายภาพดอกไม้ หรือการถ่ายวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ สามารถทำได้อย่างคมชัด รวมถึงรองรับ Huawei AIS (Huawei AI Image Stabilisation) ระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ และการปรับแสงแบบ 3 มิติ และฟังก์ชันการปรับเอฟเฟ็กต์ของโบเก้ (Bokeh) เป็นรูปร่างต่างๆ ได้ถึง 5 รูปแบบ ซึ่งในด้านการถ่ายวิดีโอก็น่าสนใจไม่แพ้กันด้วยฟังก์ชัน AI Cinema ในการใช้เทคโนโลยี AI ช่วยประมวลผล และปรับโทนสี หรือการเพิ่มเอฟเฟ็กต์ให้แก่การถ่ายวิดีโอได้แบบ Real-Time

ในส่วน กล้องหน้าคมชัด 24 ล้านพิกเซล ก็มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพเด่นๆ ให้ใช้งานไม่แพ้กับกล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพ Portrait ที่เลือกเอฟเฟ็กต์การจัดแสง รวมถึงการปรับเอฟเฟ็กต์โบเก้ (Bokeh) ได้ด้วยตนเอง และฟีเจอร์ AI HDR ที่มีความสามารถในการนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเกลี่ยแสง เพื่อให้สามารถถ่ายภาพแบบย้อนแสงได้ โดยที่ยังเก็บรายละเอียดบนตัวแบบ และวัตถุภายในภาพได้อย่างครบถ้วน

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Huawei Mate 20 มีจุดเด่นที่น่าสนใจในหลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียม หรือฟีเจอร์ระดับเรือธงแบบจัดเต็ม รวมถึงกล้องผสานเทคโนโลยี AI ที่รองรับฟีเจอร์ถ่ายภาพหลากหลาย กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 24,990 บาท ถือได้ว่าคุณสมบัติตัวเครื่องที่ได้เมื่อเทียบกับราคานั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์จะครบเครื่องจัดเต็มสมกับที่เป็นรุ่นเรือธงของค่ายหรือไม่ขอเชิญทุกท่านรับชม รีวิว Huawei Mate 20 พร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Huawei Mate 20 มาในแพ็กเกจสีดำแบบคลาสสิก

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ Huawei SuperCharge, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, หูฟัง, เคสใส, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในแพ็กเกจ

Hauwei Mate 20 มาพร้อมหน้าจอไร้ขอบแบบใหม่ในชื่อ Dewdrop Display ขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 18.7:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2244 พิกเซล : 381 ppi) รองรับการแสดงผลตามมาตรฐานสีแบบ DCI-P3 บนตัวเครื่องขนาด 158.2x77.2x8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 188 กรัม

ด้านบนของหน้าจอมีการเว้นพื้นที่หน้าจอแสดงผลตรงกลางไว้ หรือ Notch สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 และรองรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้แก่ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม และ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน สำหรับลำโพงสนทนาจะอยู่เหนือกล้องหน้าขึ้นไป

และสำหรับท่านต้องการปิด Notch ก็สามารถทำได้ โดยเลือกเปลี่ยนการแสดงของ Notch ที่เมนูตั้งค่าในตัวเครื่อง ซึ่งตัวระบบจะทำการเปลี่ยนแถบด้านบนเป็นสีดำให้กลมกลืนไปกับ Notch แทน

นอกจากนี้ Huawei Mate 20 ยังรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

ด้านล่างของหน้าจอมีการลดพื้นที่ขอบให้เหลือน้อยลง จึงไม่มีปุ่มโฮมที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเหมือนกับรุ่น Mate 10 โดย Huawei Mate 20 นี้ได้ปรับมาใช้ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ (On-Screen Navigation) แทน ซึ่งประกอบไปด้วยปุ่มย้อนกลับ, ปุ่ม Home และปุ่ม Recent Apps

รวมทั้งผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM ได้ทั้งสองช่องแบบ Hybird-Slot แต่ไม่มีช่องสำหรับ microSD เนื่องมาจากทาง Huawei ได้ปรับมาใช้งานการ์ดหน่วยความจำแบบ NM Card (Nano Memory Card) ที่มีขนาดเท่ากับ nanoSIM นั่นเอง ซึ่งผู้ใช้ต้องเลือกว่าในช่องที่สองนั้นจะใช้งานเป็นซิมการ์ดที่สอง หรือหน่วยความจำภายนอกควมจุสูงสุดที่ 256GB

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอที่มีสีสันต่างไปจากตัวเครื่องอย่างเห็นได้ชัด จึงสังเกตเห็นได้ง่าย พร้อมกับปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

ด้านบนของตัวเครื่อง มาพร้อมกับอินฟาเรด, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน, ช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลเมตร และแถบเสารับสัญญาณ 2 เส้น

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย แถบเสารับสัญญาณ 2 เส้น, ลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง

ด้านหลังของตัวเครื่องครอบทับด้วยกระจกขอบโค้ง 3D Glass ผสานเข้ากับกรอบโลหะ (Metal-Glass) รวมถึงการไล่เฉดสีตัวเครื่องแบบ (Gradient) ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก P20 Series รุ่นพี่ ในตัวเลือก Twilight

กล้องถ่ายภาพตัวหลักที่ด้านหลังทั้งหมด 3 ตัวจากความร่วมมือกับ Leica (VARIO-SUMMILUX-H 1:1.8-2.4/17-52 ASPH) พร้อมการดีไซน์ใหม่ในรูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง Porsche 919 นั่นเอง และยังมีไฟแฟลช Dual-Tone LED อยู่ที่มุมบนขวา ถัดลงมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)

สำหรับกล้องทั้ง 3 ตัวประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักเลนส์มุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Wide : 27 mm) รูรับแสงกว้าง F/1.8 สำหรับช่วยเก็บรายละเอียดในภาพถ่ายทั่วๆ ไป, กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ( Ultra Wide : 17 mm) รูรับแสงกว้าง F/2.2 สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทิศน์ในมุมกว้างๆ และกล้องตัวที่สามความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (Telephoto : 52 mm) รูรับแสงกว้าง F/2.4 สำหรับช่วยจับภาพในระยะไกล

Huawei Mate 20 รองรับระบบการโฟกัสภาพ 3 แบบ ได้แก่ Laser Focus สำหรับช่วยโฟกัสภาพในสภาวะแสงน้อย, ระบบ Phase Focus และระบบ Contrast Focus รวมถึง Huawei AIS (Huawei AI Image Stabilization) ที่เป็นการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยลดอาการสั่นไหวของภาพ

และสำหรับเทคโนโลยี Master AI ก็มีให้ใช้บน Mate 20 รุ่นใหม่นี้ด้วยเช่นกัน กับการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก และวัตถุต่างๆ ภายในเฟรม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้งานมาตั้งแต่ Mate 10 นั่นเอง แต่คราวนี้ทาง Huawei อัปเกรดใหม่ด้วยการเพิ่มความสามารถในการจดจำฉากต่างๆ ได้มากถึง 1,500 ฉากจากทั้งหมด 25 หมวดหมู่ รวมทั้ง AI ยังสามารถแยกแยะวัตถุ หรือซีนต่าง ที่อยู่ภายในภาพเดียวกันได้อีกด้วย ซึ่งหลังจาก AI วิเคราะห์เสร็จแล้ว ก็จะนำไปปรับแต่งสีสัน,ความสว่าง และคอนทราสต์ให้ภาพถ่ายมีความสวยงามแบบอัตโนมัติ ซึ่งนับว่าเป็นลูกเล่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่อาจไม่คุ้นชินกับการตั้งค่ากล้องเองมากนัก

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Huawei Mate 20 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 9.0 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วยเช่นกัน และรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE

มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม NM Card (Nano Memory Card) หน่วยความจำภายนอกรูปแบบใหม่ที่มีขนาดเท่ากับ nanoSIM ได้อีก 256GB และหน่วยความแรม (RAM) ขนาด 6GB

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Themes และ Wallpaper ของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ พร้อมเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน

และผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Themes และ Wallpaper ของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Theme

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาก็จะมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนให้ใช้งาน และมีปุ่มทางลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน

รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน และแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย รวมถึงเกมยอดนิยมก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานกันด้วย

Huawei Mate 20 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ทั้งในโหมดปกติ หรือ Vivid และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอได้

สามารถเปิดใช้งานโหมดถนอมสายตา (Eye Comfort) ด้วยการลดแสงสีฟ้า สำหรับใช้งานในสภาวะแสงน้อย และด้วยดีไซน์ของ Huawei Mate 20 ที่เป็นแบบ FullView Display ในอัตราส่วน 18.7:9 จึงส่งผลให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย

สามารถเลือกความละเอียดหน้าจอได้ถึงระดับ Full HD+

สำหรับท่านที่ต้องการปิด Notch ก็สามารถทำได้ โดยเลือกเปลี่ยนการแสดงของ Notch ที่เมนูตั้งค่าในตัวเครื่อง ซึ่งตัวระบบจะทำการเปลี่ยนแถบด้านบนเป็นสีดำให้กลมกลืนไปกับ Notch แทน

สำหรับท่านใดที่ต้องการใช้งาน App Drawer สามารถไปเปิดได้ที่เมนู Home Screen Style และยังสามารถสลับตำแหน่งของ System Navigation ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้อีกด้วย ซึ่งบน Huawei Mate 20 มีตัวเลือกปุ่ม Navigation Buttons ให้ได้เลือกใช้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ Gestures, Three-Navigation และ Navigation Dock

การใช้งาน System Navigation แบบ Gestures มี 4 รูปแบบ ได้แก่ ปัดนิ้วจากมุมซ้ายของหน้าจอเพื่อกดย้อนกลับ (Back), ปัดนิ้วขึ้นจากขอบล่างหน้าจอเพื่อเข้าสู่หน้าหลัก (Home), ปัดหน้าจอจาดขอบล่างหน้าจอ แล้วกดข้างไว้เพื่อเข้าสู่หน้า Recent Apps และเข้าใช้งาน Google Assistant ได้ด้วยการปัดขึ้นจากมุมหน้าจอ

สามารถปรับตำแหน่งปุ่ม Navigation ให้เหมาะกับความถนัดของแต่ละคนได้

สำหรับการเลือกใช้ System Navigation แบบ Navigation Dock มี 4 รูปแบบ ได้แก่ สัมผัสที่ปุ่ม Dock 1 ครั้งเพื่อกลับสู่หน้าที่แล้ว (Back), กดค้างที่ปุ่ม Dock แล้วปล่อยเพื่อกลับสู่หน้าหลัก (Home), กดค้าง แล้วลากนิ้วไปด้านซ้าย หรือขวาเพื่อเข้าสู่หน้า Recent Apps และสัมผัสตัวปุ่ม Dock เพื่อย้ายตำแหน่ง

Huawei Mate 20 สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการใช้งานมือเดียวได้ โดยผู้ใช้สามารถลดขนาดหน้าจอ หรือปุ่มตัวเลข เพื่อให้สามารถใช้งานเพียงมือเดียวได้อย่างสะดวกสบาย

Huawei Mate 20 รองรับบริการชำระเงินผ่านระบบ NFC

Huawei Mate 20 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh และรองรับการเปิดใช้งานในโหมด Performance ที่เป็นการใช้งานทุกระบบในระดับสูงสุด

และรองรับเทคโนโลยี Huawei SuperCharge

แอปพลิเคชัน Phone Manager จะช่วยในเรื่องการจัดการข้อมูลต่างๆ ด้วยการ Cleanup ข้อมูลที่ไม่จำเป็น เพื่อเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำ หรือลดการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ เพื่อให้ตัวเครื่องใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Huawei Mate 20 คือรองรับฟังก์ชัน App Twin สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook หรือ Messenger จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

Huawei Mate 20 มี Motion Control สำหรับการใช้งานพื้นฐาน รองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ และการสั่งงานด้วยเสียง

และ HiTouch สำหรับค้นหารายละเอียดที่เกี่ยวข้องเกี่ยวข้อง โดยการกดหน้าจอที่สินค้านั้นๆ พร้อมกัน 2 นิ้ว

ตัวอย่าง Motion Control บน Huawei Mate 20 ได้แก่ การคว่ำหน้าจอลงเพื่อปิดเสียงสายเรียกเข้า หรือเสียงนาฬิกาปลุก รวมถึงการยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อเปิดหน้าจอ

เมื่อมีสายเข้า สามารถรับได้ทันทีเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู และใช้ข้อนิ้ววาดเป็นวงกลมสำหรับแคปเจอร์หน้าจอ

รวมถึงใช้ข้อนิ้วลากผ่านกลางหน้าจอเพื่อเข้าใช้งานแบบ 2 หน้าจอพร้อมกัน (Split Screen)

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Huawei Mate 20 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมกับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Redcognition) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

Huawei Mate 20 รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพิ่มได้ด้วยฟีเจอร์ App Lock, PrivateSpace และ Safe โดยจะใช้การสแกนลายนิ้วมือเป็นการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน

Huawei Mate 20 มาพร้อมกับอินฟาเรด จึงสามารถใช้งานแทนรีโมตคอนโครลสั่งการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ หรือเครื่องปรับอากาศ

Huawei Mate 20 รองรับฟีเจอร์ Easy Projection สำหรับเปลี่ยนไปใช้งานในโหมด Desktop

สำหรับข้อมูลในเครื่อง หรือไฟล์ต่างๆ ที่บันทึกไว้สามารถมาจัดการคัดลอก หรือย้ายโฟลเดอร์ได้ที่แอปพลิเคชัน Files

แอปพลิเคชัน Tips เป็นแหล่งรวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงวิธีการ หรือเคล็ดลับบางอย่าง

นอกจากนี้ Huawei Mate 20 ยังมาพร้อมแอปพลิเคชัน HiCare ที่รวบรวมข้อมูลบริการหลังการขาย, การใช้งาน และวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นไว้อย่างครบถ้วน

ท่านที่ใช้งาน Huawei Mate 20 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แล้วอยากย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน Phone Clone ได้ทันที

Huawei Mate 20 ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Dolby Atmos

สำหรับผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟน Huawei ด้วยกันก็สามารถแชร์ข้อมูลหากันได้ทันทีผ่านระบบ Huawei Share

สำหรับท่านที่เป็นคนชอบออกกำลังกาย และเป็นสายรักสุขภาพ ก็มีแอปพลิเคชัน Health ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถวัดจำนวนก้าว, ระยะทาง หรือจำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญ รวมถึงตัวผู้ใช้สามารถสร้างแผนการออกกำลังกายสำหรับตนเองได้ด้วย

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบแยกอัลบั้ม กับแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่องนั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor, Magnetic Sensor และ Pressure Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 42 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 17 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วย สำหรับ Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมกับระบบ Dual Band GPS (L1 + L5) ในการจับตำแหน่งจากสองคลื่นความถี่จึงทำให้สามารถระบุพิกัดสถานที่ และวัดระยะได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยรองรับระบบดาวเทียม 4 ตัว ได้แก่ GPS, GLONAS, Beidou และ Galileo

Huawei Mate 20 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 980 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.6 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะอย่าง Dual-NPU (Dual Neural Processing Unit) และมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G76 MP10 เป็นรุ่นแรกของโลก, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card (Nano Memory Card) ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย EMUI9.0 เวอร์ชันล่าสุด

Huawei Mate 20 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark สูงถึง 304,223 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 3,341 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 9,633 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 3,842 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 4,281 คะแนน

Huawei Mate 20 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ Huawei Mate 20 ได้แก่ เทคโนโลยี GPU Turbo โหมดการทำงานพิเศษที่ช่วยรีดพลัง หรือเค้นพลังของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ให้สามารถปลดปล่อยประสิทธิภาพออกมาได้มากกว่าเดิมถึง 60% รวมทั้งยังสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ 30% อีกด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อเลยทีเดียว โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ซึ่งใช้วิธีเปิดคอขวดที่เคยเกิดขึ้นระหว่าง CPU กับ GPU แต่อย่างไรก็ดี ในขณะนี้มีเกมที่พัฒนาให้สามารถรองรับการทำงานร่วมกับโหมด GPU Turboได้เพียง 2 เกม คือ PUBG และ Mobile Legends ดังนั้นก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีเกมไหนที่สามารถรองรับ GPU Turbo ได้อีกบ้างในอนาคต

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติอย่าง Asphalt 9, Tekken และ Marvel Future Fight ก็พบว่า Huawei Mate 20 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก รวมถึงมีการสะสมความร้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

Huawei Mate 20 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ Full HD+ และมีอัตราส่วนแบบ 18.7:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

กล้องดิจิทัล ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายภาพวิดีโอ

Huawei Mate 20 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวจาก Leica แบ่งออกเป็นกล้องตัวหลักเลนส์มุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Wide : 27 mm) รูรับแสงกว้าง F/1.8 สำหรับช่วยเก็บรายละเอียดในภาพถ่ายทั่วๆ ไป, กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ( Ultra Wide : 17 mm) รูรับแสงกว้าง F/2.2 สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทิศน์ในมุมกว้างๆ และกล้องตัวที่สามความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (Telephoto : 52 mm) รูรับแสงกว้าง F/2.4 สำหรับช่วยจับภาพในระยะไกล โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรูสบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

โดยรองรับการซูมภาพแบบ 2X Optical Zoom ไปจนถึง 10X Digital Zoom รวมถึงการซูมที่ระดับ 0.6X เพื่อเก็บภาพในมุมที่กว้างขึ้น

ผู้ใช้สามารถปรับความละเอียดของกล้องได้ในส่วนของการตั้งค่า รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การปิด-เปิดเสียง, การตั้งเวลาถ่ายภาพ และการจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ

นอกจากนี้ยังมีโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ ให้ได้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น AR Lens ที่เป็นการเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพด้วยสติกเกอร์สุดน่ารัก, 3D Panorama, Slow-mo และการถ่ายภาพสีขาว-ดำ (Monochrome)

สำหรับโหมดถ่ายภาพปกติของ Huawei Mate 20 สามารถเลือกถ่ายภาพได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Standrad, Vivid Colors และ Smooth Colors รวมถึงเปิดปิดไฟแฟลช และ Live Photo ซึ่งเลือกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 12 ล้านพิกเซล

และในโหมดการถ่ายภาพปกติ มีฟังก์ชัน AI Master ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ ซึ่งอัปเกรดความสามารถในการจดจำฉากต่างๆ ได้มากถึง 1,500 ฉาก จากทั้งหมด 25 หมวดหมู่

การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ Portrait สามารถเลือกรูปแบบการเบลอได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Circles, Hearts, Swirl และ Discs

พร้อมการจัดแสงอีก 4 รูปแบบ ได้แก่ Photo Booth, Folding Blinds, Pop และ Stage Lighting

รวมถึงปรับค่า Beauty ได้ถึง 10 ระดับ

ส่วนในโหมด Aperture สามารถปรับความกว้างของรูรับแสงได้ตั้งแต่ F/0.95-F/16 และรองรับการซูม ซึ่งผู้ใช้สามารถนำมาปรับระดับความเบลอในภายหลังได้อีกด้วย

สำหรับการถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome) ก็มีให้เลือกใช้บน Huawei Mate 20 ด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถเลือกถ่ายพร้อมกับโหมดรูรับแสง (Aperture), หน้าชัดหลังเบลอ (Portrait), โหมด Pro และโหมด Beauty ได้อีกด้วย

โหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night) สามารถปรับค่า Shutter Speed ได้สูงสุดที่ 32 และค่า ISO ได้ถึง 1,600

สำหรับการถ่ายโหมด Pro บน Huawei Mate 20 มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

รองรับฟีเจอร์ Hivision ที่สามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุที่ถ่ายได้

รวมถึงการแปลภาษา และคำนวณแคลอรี่

การถ่ายวิดีโอบน Huawei Mate 20 รองรับการถ่ายวิดีโอ 3 รูปแบบ ได้แก่ Standrad, Vivid Colors และ Smooth Colors โดยรองรับการซูมภาพแบบ 2X Optical Zoom และ 10X Digital Zoom รวมถึงการซูมที่ระดับ 0.6X เพื่อเก็บภาพในมุมที่กว้างขึ้น

และสามารถถ่ายวิดีโอในโหมด Portrait ได้แบบ Real-Time รวมถึงปรับการแสดงผลสีได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย ได้แก่

AI Colour - ปรับฉากหลังเป็นโทนสีขาว-ดำ ในขณะที่เก็บสีของตัวแบบไว้ Background Blur - ถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ Vintage - ถ่ายวิดีโอในโทนสีแบบวินเทจ Suspense - ถ่ายวิดีโอในแบบคุมโทนสีน้ำเงิน Fresh - ถ่ายวิดีโอโดยเน้นปรับสีสันให้มีความสว่างสดใส

สามารถถ่ายวิดีโอในโหมด Beauty ที่ปรับได้ถึง 10 ระดับ และสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ 4K Ultra HD เลยทีเดียว

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้า มาพร้อมโหมด HDR ที่สามารถถ่ายภาพย้อนแสงได้ โดยที่ยังเก็บรายละเอียดตัวแบบได้อย่างครบถ้วน และมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า

ผู้ใช้สามารถปรับความละเอียดของกล้องได้ในส่วนของการตั้งค่า รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การปิด-เปิดเสียง, การตั้งเวลาถ่ายภาพ และการจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ โดยสามารถเลือกความละเอียดสูงสุดในการถ่ายภาพเซลฟี่โหมดปกติได้ถึงระดับ 24 ล้านพิกเซล

นอกจากนี้ยังมีโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ ให้ได้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย

ในโหมด Portrait สามารถปรับรูปแบบการเบลอได้ รูปแบบการเบลอได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Circles, Hearts, Swirl และ Discs

พร้อมการจัดแสงอีก 4 รูปแบบ ได้แก่ Photo Booth, Folding Blinds, Pop และ Stage Lighting

สามารถปรับโครงหน้าได้อย่างอิสระ ทั้งความเรียบเนียน, ขนาดใบหน้า และโทนสีผิว ถึง 10 ระดับ

การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าบน Huawei Mate 20 สามารถปรับค่า Beauty ได้ถึง 10 ระดับ โดยรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ Full HD+ ในอัตราส่วน 18:9

รองรับฟีเจอร์ 3D Live Emoji ลูกเล่นในการสร้างตัวการ์ตูนแบบ 3 มิติ พร้อมเคลื่อนไหวตามบหน้าของผู้ใช้ได้ และยังส่งหากันได้อย่างง่ายดาย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว จาก Leica ความละเอียด 12+16+8  ล้านพิกเซล ของ Huawei Mate 20

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Master AI

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 1X

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 0.6X (Ultra Wide)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 0.6X

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 1X

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 2X

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 5X

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 10X

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมการซูมแบบ 0.6X และ 1X

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait แบบ Circles

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait แบบ Circles

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait แบบ Swirl

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait แบบ Swirl และปรับค่า Beauty ที่ระดับ 5 กับ 10

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชันถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชันถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชันถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชันถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome) และ Portrait

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชันถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome) และ Portrait

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Night Mode

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Night Mode

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Night Mode

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ของ Huawei Mate 20

ภาพถ่ายจากโหมดปกต

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait และปรับค่า Smooth Skin ที่ระดับ 5, Thinner Face ที่ระดับ 3 และ Warmth โทนสีอมชมพู

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait และปรับค่า Smooth Skin ที่ระดับ 10, Thinner Face ที่ระดับ 5 และ Warmth โทนสีอมชมพู

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait แบบ Circles และ Hearts

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait แบบ Swirl และ Discs

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait และปรับแสงแบบ Photo Booth กับ Folding Blinds

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Portrait และปรับแสงแบบ Pop กับ Stage Lighting

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ และภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI HDR

ฟีเจอร์ 3D Live Emoji ลูกเล่นในการสร้างตัวการ์ตูนแบบ 3 มิติ พร้อมเคลื่อนไหวตามบหน้าของผู้ใช้ได้

สรุปผลการทดสอบของ Huawei Mate 20

จากการทดสอบทั้งหมด ถือได้ว่า Huawei Mate 20 เป็นอีกหนึ่งเรือธงรุ่นใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม ตั้งแต่การยกเครื่องปรับโฉมดีไซน์ใหม่หมดจดด้วยหน้าจอไร้ขอบภายใต้ชื่อใหม่อย่าง Dewdrop Display ขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 18.7:9 คมชัดระดับ Full HD+ บนตัวเครื่องที่ครอบด้วยกระจกขอบโค้ง 3D Glass ผสานกรอบด้านข้างตัวเครื่องโลหะแบบ Metal-Glass และการไล่เฉดสีแบบ (Gradient) เล่นกับเสงในมุมต่างๆ กับตัวเลือกสี Twilight ที่ช่วยเสริมให้ตัวเครื่องมีความพรีเมียมในทุกสัมผัส

ด้านสเปกตัวเครื่องก็จัดเต็มทุกด้านเริ่มที่ชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง HiSilicon Kirin 980 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะแบบ Dual-NPU ซึ่งพัฒนามาจาก Kirin 970 ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ NPU เพียงแกนเดียว จึงทำให้มีประสิทธิภาพการประมวลผลดีขึ้น พร้อมกับประหยัดพลังงานมากขึ้นในเวลาเดียวกัน สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ก็มาพร้อมกับ Mali-G76 MP10 เป็นรุ่นแรกของโลก ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่า Mali-G72 บน Kirin970 เพิ่มขึ้นถึง 46% และประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 178% รวมถึงเทคโนโลยี GPU Turbo สำหรับเกมเมอร์ ที่ช่วยในการรีดเร้นประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกให้เพิ่มขึ้น 60% และประหยัดพลังงานได้ถึง 30%

โดยจับคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ที่ 6GB พร้อมหน่วยความจำภายใน ROM 128GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกรูปแบบใหม่อย่าง NM Card (Nano Memory Card) ที่มีขนาดเท่ากับ nanoSIM ได้อีก 256GB เรียกได้ว่าสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องหมั่นเคลียร์พื้นที่บ่อยๆ

ต่อกันที่กล้องถ่ายภาพไฮไลท์สำคัญบน Huawei Mate 20 ที่อัปเกรดมาใช้งานกล้องตัวหลักที่ด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) เหมือนกับ P20 Pro จากความร่วมมือกับทาง Leica เช่นเดิม ซึ่งประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักเลนส์มุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยเก็บรายละเอียดในภาพถ่ายทั่วๆ ไป, กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 16 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทิศน์ในมุมกว้างๆ และกล้องตัวที่สามความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยจับภาพในระยะไกล โดยรองรับเทคโนโลยี Master AI การนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก และวัตถุต่างๆ ที่อยู่ภายในภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งทั้งสีสัน, คอนทราสต์ และความสว่างแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ภาพถ่ายมีความสวยงาม จากความสามารถในการตรวจจับซีนต่างๆ ได้ถึง 1,500 ซีนจากทั้งหมด 25 หมวดหมู่ ที่เพิ่มขึ้นจากในรุ่น P20 Series ที่สามารถตรวจจับได้ 19 หมวดหมู่ และฟังก์ชัน Super Marco ที่สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้สุดที่ระยะ 2.5 เซนติเมตร ทำให้การถ่ายภาพตัวอักษร, การถ่ายาพดอกไม้ หรือการถ่ายวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ สามารถทำได้อย่างคมชัด รวมถึงรองรับ Huawei AIS (Huawei AI Image Stabilisation) ระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ และการ ปรับแสงแบบ 3 มิติ และฟังก์ชันการ ปรับเอฟเฟ็กต์ของโบเก้ (Bokeh) เป็นรูปร่างต่างๆ ได้ถึง 5 รูปแบบ

นอกเหนือไปจากฟีเจอร์การถ่ายภาพนิ่งที่ครบครันแล้ว การถ่ายวิดีโอบน Huawei Mate 20 ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยฟังก์ชันใหม่อย่าง AI Cinema ในการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยประมวลผล และเพิ่มเอฟเฟ็กต์ให้แก่การถ่ายวิดีโอแบบ Real-Time ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิดีโอแบบ Portrait หรือการปรับโทนสีรูปแบบต่างๆ

รวมถึงฟีเจอร์ Hivision กับการนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ และค้นหาข้อมูลต่างๆ จากการสแกนวัตถุนั้นๆ ผ่านทางกล้องถ่ายภาพ หรือการสัมผัสบนหน้าจอบริเวณวัตถุนั้นๆ พร้อมกัน 2 นิ้ว ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิว, ภาพวาดที่มีชื่อเสียง, ข้อมูลการขายสินค้านั้นๆ (ราคาเท่าใด/หาซื้อได้ที่ไหน), การคำนวณแคลอรี่ของอาหาร และการแปลภาษา

ในส่วน กล้องหน้าคมชัด 24 ล้านพิกเซล ก็มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพเด่นๆ ให้ใช้งานไม่แพ้กับกล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพ Portrait ที่เลือกเอฟเฟ็กต์การจัดแสง รวมถึงการปรับเอฟเฟ็กต์โบเก้ (Bokeh) ได้ด้วยตนเอง ที่ปรับเปลี่ยนสไตล์ได้ 5 รูปแบบ และ ฟีเจอร์ AI HDR ที่นำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเกลี่ยแสง เพื่อให้สามารถถ่ายภาพแบบย้อนแสงได้ หรือในที่ที่มีแสงจ้า โดยที่ยังเก็บรายละเอียดบนตัวแบบ และวัตถุภายในภาพได้อย่างครบถ้วน

ทางด้านระบบรักษาความปลอดภัย Huawei Mate 20 ผสานสองเทคโนโลยี ได้แก่ การสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง กับระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition) ที่สแกนได้รวดเร็วทันใจ แต่สำหรับท่านที่ใส่แว่นตาอาจใช้งานไม่สะดวกในบ้างครั้ง

Huawei Mate 20 ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh และรองรับการเปิดใช้งานในโหมด Performance ที่เป็นการใช้งานทุกระบบในระดับสูงสุด พร้อมเทคโนโลยี Huawei SuperCharge บนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดอย่าง Android 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย EMUI 9.0 กับระบบจัดการตัวเครื่องที่ชาญฉลาดขึ้น จากการนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยจัดการอย่าง AI Prediction สำหรับจดจำพฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ พร้อมคาดการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันต่อไป โดยจะช่วยลดระยะเวลาในการเข้าแอปพลิเคชันนั้นๆ ให้รวดเร็วมากขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ GPU Turbo ในการเล่นเกม โดยช่วยลดการดีเลย์จากการสัมผัสหน้าจอ พร้อมกับลดอุณหภูมิหน้าจอได้ถึง 3.6 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ก็รองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น App Twin สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน อย่างเช่น เช่น Facebook หรือ Messenger ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน, ฟีเจอร์ App Lock / Private Space / Safe ในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการ และต้องทำการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว, รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง,รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE , ฟีเจอร์ Split-Screen ที่ช่วยให้ใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันในหน้าจอเดียวกัน และรองรับบริการชำระเงินผ่านระบบ NFC รวมถึงใช้งานใน โหมด Desktop ผ่านฟีเจอร์ Easy Projection , ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Dolby Atmos และสามารถใช้งานแทน รีโมตคอนโครล สั่งการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ หรือเครื่องปรับอากาศ ด้วย อินฟาเรด

และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า Huawei Mate 20 เหมาะสำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่ พร้อมฟีเจอร์ครบครันทุกการใช้งาน บนดีไซน์แบบสมัยนิยม ด้วยจอไร้ขอบขนาดใหญ่ในอัตราส่วนที่กว้างขึ้น และช่วยให้ใช้งานได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ ผสานตัวเครื่องไล่เฉดสีแบบใหม่ที่กำลังมาแรง รวมถึงเน้นการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอในรูปแบบใหม่ ด้วยความชาญฉลาดกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมฟีเจอร์สำหรับถ่ายภาพที่หลากหลาย ที่ช่วยให้ได้ภ่พสวยงามในชัตเตอร์เดียว

สำหรับ Huawei Mate 20 เปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 24,990 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ง่ายเมื่อเทียบกับการเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูลท็อปของแบรนด์ โดยเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ในระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน และ จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป โดยผู้ที่สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับฟรี หูฟัง Huawei Active Noise Cancelling Earphone 3 (1,990 บาท)และ Huawei Band 3 Pro ( 2,990 บาท) รวมมูลค่า 4,980 บาท

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Huawei ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Huawei Mate 20 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ Huawei Mate 20

- ที่ด้านหลังตัวเครื่องผลิตจากกระจกแบบ 3D Glass ผสานเข้ากับกรอบโลหะ (Metal-Glass) -บอดี้ไล่เฉด (Gradient) ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงในมุมต่างๆ (เฉพาะสี Twilight) - ตัวเครื่องขนาด 158.2x77.2x8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 188 กรัม - หน้าจอแสดงผล TFT LCD (IPS) แบบ Dewdrop Display ขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2244x1080 พิกเซล) และอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 18.7:9 - ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) HiSilicon Kirin 980 แบบ Octa-Core Processor ที่มีความเร็ว 2.96 GHz พร้อมหน่วยประมวลผล Dual-NPU ที่ฝังอยู่ภายใน สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะ - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76 MP10 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ NM Card (Nano Memory Card) ที่มีขนาดเท่ากับ nanoSIM ความจุสูงสุด 256GB - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 พร้อมฟีเจอร์ Portrait และ AI HDR - กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) จาก Leica โดย กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้องดิจิทัลตัวที่สองเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และกล้องดิจิทัลตัวที่สามแบบ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ AIS โดยมีขนาดรูรับแสง F/1.8+F/2.2+F/2.4 พร้อมเทคโนโลยี AI Master ที่เป็นการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยจำแนกซีน และวัตถุต่างๆ ได้ถึง 1,500 ซีนจากทั้งหมด 25 หมวดหมู่ รวมถึงรองรับ Huawei AIS (Huawei AI Image Stabilisation) ระบบป้องกันาพสั่นไหวด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ - รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) - ฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) - ฟังก์ชัน 3D Qmoji - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C - ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร - แบตเตอรี่ความจุ 40000 mAh พร้อมเทคโนโลยี Huawei SuperCharge - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย EMUI 9.0 - ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Dolby Atmos - อินฟาเรด - รองรับการใช้งานในโหมด Desktop ด้วยฟีเจอร์ Easy Projection - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi - รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE - ระบบ Dual Band GPS (L1 + L5) ในการจับตำแหน่งจากสองคลื่นความถี่จึงทำให้สามารถระบุพิกัดสถานที่ และวัดระยะได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยรองรับระบบดาวเทียม 4 ตัว ได้แก่ GPS, GLONAS, Beidou และ Galileo - ราคา 24,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ง่าย เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงคู่แข่งในตลาดอีกหลายๆ รุ่น

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Huawei Mate 20

- ตัวเครื่องใช้ดีไซน์แบบกระจก จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย - หน้าจอ FullView Display ในอัตราส่วน 18.7:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้ - เทคโนโลยีของหน้าจอแสดงผลยังคงเป็นแบบ TFT LCD (IPS) - ไม่รองรับระบบ 3D Face Unlock - ด้วยความที่หน้าจอมีขอบบาง อาจทำให้อุ้งมือของผู้ใช้ไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ - สำหรับผู้ที่ใส่แว่นตาอาจใช้งานฟีเจอร์ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้าไม่สะดวกในบางครั้ง - ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid-Slot ที่ในช่องที่สองต้องเลือกใช้งานระหว่าง ซิมการ์ดที่สอง และหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card - ตัวเครื่องสามารถป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นได้เพียงแค่ระดับ IP53 - ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging)

โปรดทราบ * โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

Leave a Comment