รีวิว realme GT NEO2 5G แรงดั่งเรือธงแต่คงความคุ้มค่า ด้วยชิปไฮเอนด์ จอสวยลื่น แบตใหญ่ชาร์จไว ใส่ 4 กล้อง บนดีไซน์สวยล้ำ ในราคาเพียง 13,990 บาท :: Thaimobilecenter.com

3 พฤศจิกายน 2021 - สำหรับ realme GT Series ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติตัวเครื่องที่มักจะมาพร้อมกับความเร็วแรง บนดีไซน์ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางทีมงานเคยทำการรีวิว realme GT ไปเมื่อช่วงกลางปี 2021 ที่ผ่านมา ล่าสุดนี้ realme ก็ได้มีการนำสมาร์ทโฟน GT Series รุ่นใหม่อย่าง realme GT Neo2 5G เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยยังคงจุดเด่นด้านความเร็วแรงทุกการใช้งานเอาไว้อย่างครบถ้วน บนดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Everything in NEO

สำหรับ realme GT Neo2 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ realme ขนานนามว่าเป็น "นักฆ่าเรือธง" (Flagship Killer) โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ไฮเอนด์จัดเต็มรอบด้าน เริ่มตั้งแต่ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 5G รุ่นใหม่, หน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz E4 AMOLED Display ที่แสดงผลได้อย่างลื่นไหล และตอบสนองได้อย่างฉับไว, แบตเตอรี่จุใจขนาด 5000 mAh ซึ่งมีระบบชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วทันใจ, หน่วยความจำ RAM ขนาดใหญ่ 8 GB ไปจนถึงลำโพงคู่ Dual Stereo Speakers พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos

ด้านการถ่ายภาพ ก็จัดเต็มมากับกล้องหลัง 3 ตัวแบบ 64MP AI Triple Camera ที่มีความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดการถ่ายภาพใหม่ล่าสุดอย่าง Street Photography ที่จะช่วยให้การบันทึกภาพความประทับใจเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าที่เคย

และยังมีความสามารถอีกมากมายใน realme GT Neo2 5G รุ่นนี้ ส่วนตัวเครื่องจริงจะเป็นอย่างไร และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีดำที่มีการเล่นลวดลายในแนวขวางคล้ายกับเคฟลาร์ ซึ่งสื่อถึงความเร็วแรงของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง realme GT Neo2 5G, เคสซิลิโคน, อแดปเตอร์จ่ายไฟสำหรับชาร์จแบตเตอรี่แบบ 65W, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับใช้งานร่วมกับอแดปเตอร์จ่ายไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และคู่มือประกอบการใช้งาน

สำหรับอแดปเตอร์จ่ายไฟของ realme GT Neo2 5G รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 65W SuperDart Charge ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ของ realme GT Neo2 5G ได้เต็ม 100% ในเวลาเพียง 36 นาที เท่านั้น รวมทั้งยังมีอัลกอริทึม VCVT Intelligent Tuning และ VFC Trickle Charging ที่ จะช่วยปรับแรงดันกระแสไฟฟ้าได้อย่างชาญฉลาด เพื่อช่วยป้องกันแบตเตอรี่ไม่ให้ร้อนจนเกินไปขณะทำการชาร์จ

ในส่วนของตัวเครื่อง realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz E4 AMOLED Display ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิเซล) ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz เพื่อช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล โดยสามารถปรับค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อัตโนมัติตั้งแต่ 30Hz, 60Hz, 90Hz และ 120Hz รวมทั้งยังมาพร้อมค่า Touch Sampling Rate สูงถึง 600Hz โดยหน้าจอจะทำการตอบสนองต่อการสัมผัสเป็นจำนวน 600 ครั้งต่อ 1 วินาที เพื่อให้ตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างฉับไวมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น หน้าจอของ realme GT Neo2 5G ใช้วัสดุแบบ Samsung E4 luminescent ที่ช่วยแสดงผลได้อย่างคมชัดสดใส ประหยัดการใช้พลังงานมากกว่า 15% พร้อมคุณสมบัติที่จัดเต็มด้านการแสดงผลไม่ว่าจะเป็นค่าความสว่างสูงสุดระดับ 1300 nits เพื่อช่วยให้มองเห็นในที่กลางแจ้งได้อย่างชัดเจน และยังสามารถปรับความสว่างได้ละเอียดถึง 10,240 ระดับ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกแสงหน้าจอที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมด้วยตนเอง, ค่า Contrast Ratio ระดับ 5,000,000:1 เพื่อ ช่วยให้มองเห็นรายละเอียดที่อยู่ในส่วนที่มืด และส่วนที่สว่างได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงการรองรับมาตรฐานการแสดงผลแบบ HDR10+ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เต็มอิ่มกับคอนเทนต์คุณภาพสูงจากสมาร์ทโฟน

ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้า In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ขนาดของรูรับแสงกว้าง f/2.5 ถัดมาเป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนาซึ่งทำหน้าที่เป็นลำโพงเสียงตัวที่สองสำหรับขับเสียงแบบ Stereo Speakers

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลประกอบไปด้วยปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันที่เปิดทำงาน, ปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ โดยที่ด้านใต้หน้าจอมีการติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ In-display Optical Fingerprint เพื่อช่วยให้วางนิ้วปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนที่ด้านบนติดตั้งไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนเอาไว้

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องติดตั้งปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ขณะที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงตัวหลัก

สำหรับ realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ที่เรียกว่า Digital Urban Design ซึ่ง เป็นการผสมผสานระหว่างดิจิทัลกับธรรมชาติเข้าด้วยกัน โดยดีไซน์เนอร์จาก realme Design Studio ได้ออกแบบโดยยึดสีต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว ด้วยการเลือกใช้สีเขียวที่อยู่ในธรรมชาติ มาทำการปรับแต่งให้มีความสว่างเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับเส้นสีดำด้านที่ถูกเคลือบให้มีความเงางาม โดยสีที่ทีมงานได้รับมารีวิววันนี้คือ สีเขียว NEO Green ซึ่งเป็นสีไฮไลท์ประจำรุ่นนี้นั่นเองครับ

สำหรับตัวเครื่องสี NEO Green มาพร้อมกับพื้นผิวที่มีกระบวนการทับซ้อนแบบนาโน 7 ชั้น ทำให้ได้ฝาหลังที่มีความเรียบเนียน สะท้อนแสงได้อย่างละมุน ทนต่อรอยขีดข่วน และช่วยป้องกันลายนิ้วมือ โดยมีความเบางเพียง 200 กรัม และมีความบางเฉียบเพียง 8.6 มิลลิเมตร เท่านั้น ส่วนอีกหนึ่งสีที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยคือสี NEO Blue ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงอาทิตย์ยามรุ่งเช้า ด้วยบอดี้ที่มีการไล่ระดับสีแบบนาโนมากถึง 8 ชั้น

โดยที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับชุดกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ( 64MP AI Triple Camera ) แบ่งออกเป็น

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ

realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

สำหรับหน้า UI ยังคงถูกออกแบบมาให้เน้นใช้งานได้อย่างสะดวก โดยการวางไอคอนแอปพลิเคชันที่จำเป็นเอาไว้บนหน้าโฮมสกรีนเอาไว้อย่างครบถ้วน ส่วนแอปพลิเคชันอื่น ๆ จะถูกจัดเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบใน App Drawer ซึ่งทำให้ผู้ที่เคยใช้สมาร์ทโฟน realme มาก่อนไม่ต้องปรับตัวมากนัก

เมื่อลากนิ้วจากด้านบนลงมายังด้านล่าง จะพบกับแถบไอคอนคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าการทำงานของตัวเครื่องแบบเร่งด่วน โดยผู้ใช้สามารถจัดวางตำแหน่งของไอคอนได้ด้วยตนเองผ่านการแตะที่ไอคอนข้างฟัน เฟืองบริเวณมุมขวาบน

เมื่อปัดไปที่ด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีนจะพบกับ Google Discover ที่รวบรวมข่าวสารอัปเดตล่าสุดส่งตรงให้กับผู้ใช้แต่ละท่าน

realme GT Neo2 5G รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ในซิมการ์ดที่ 1 พร้อมฟีเจอร์ Smart 5G ที่คอยตรวจสอบสภาพแวดล้อมของสัญญาณโดยรอบ เพื่อสลับการใช้งานระหว่าง 4G และ 5G แบบอัตโนมัติช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อบน Wi-Fi 6 ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ที่มีความเร็วด้านการรับส่งข้อมูลที่แรงขึ้น ไปอีกขั้น

รองรับฟีเจอร์ Dark Mode สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงสีสันของตัวเครื่องให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตา และประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

พร้อมรองรับฟีเจอร์ Eye comfort สำหรับปรับการแสดงผลให้อยู่ในโทนอุ่น พร้อมกับตัดแสงสีฟ้าที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา

รองรับการปรับการแสดงสีสันของหน้าจอทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Vivid, Gentle และ Brilliant

มาพร้อมกับ O1 Ultra Vision Engine ที่จะเข้ามาช่วยปรับการแสดงผลของคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ ได้แก่ Video image sharpener สำหรับปรับแต่งความละเอียดวิดีโอให้คมชัดมากยิ่งขึ้น และ Video color enhancer ที่จะปรับการแสดงสีสันของวิดีโอให้มองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้ ด้วยเทคโนโลยี SDR-to-HDR

สามารถปรับเปลี่ยนวอเปเปอร์, ธีม Always-On Display, รูปแบบไอคอน, แอนิเมชันการสแกนลายนิ้วมือ, ขนาดฟอนต์, ธีมสีของหน้า UI ไปจนถึงไฟแจ้งเตือนจากขอบด้านข้างหน้าจอ Edge lighting ได้จากเมนู Personalizations

มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ที่สามารถปรับแต่งโปรไฟล์การเล่นเสียงได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Environment profile ซึ่งเป็นโปรไฟล์การเล่นเสียงที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และ Scenario-specific profile ซึ่งเป็นโปรไฟล์การเล่นเสียงที่เหมาะสมกับคอนเทนต์

Convenience tools เครื่องมืออำนวยความสะดวกด้านการใช้งาน เช่น การปรับวิธีควบคุมเป็น Gestures ที่ใช้การลากนิ้วจากขอบด้านล่าง และด้านข้างของหน้าจอ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้มากขึ้น, การใช้ 3 นิ้วลากลงเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ, Smart Sidebar สำหรับเข้าถึงแอปพลิเคชันแบบเร่งด่วนเพียงลากนิ้วจากแถบโปร่งใสที่อยู่ทางด้านขวาของ ตัวเครื่อง ไปจนถึง Split screen สำหรับแบ่งการทำงานของแอปพลิเคชันออกเป็น 2 หน้าต่าง เพื่อช่วยให้สามารถใช้งาน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน

มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh พร้อม Power saving mode และ Super power saving mode สำหรับช่วยประหยัดการใช้งานแบตเตอรี่ โดยทาง realme เปิดเผยว่า แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ของ realme GT Neo2 สามารถใช้สนทนาได้สูงสุดเป็นระยะเวลา 33 ชั่วโมง, ฟังเพลงต่อเนื่องเป็นระยะเวลาสูงสุด 88 ชั่วโมง, รับชมวิดีโอเป็นระยะเวลานานสูงสุด 24 ชั่วโมง หรือเล่นเกมต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลาสูงสุด 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ GT Mode 2.0 ซึ่งเป็นโหมดที่จะช่วยเพิ่มพลังการประมวลผลของ CPU รวมถึงอัตราการตอบสนองของหน้าจอ (Sampling Rate) ให้สูงขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมในระดับสูงสุด

และมาพร้อมกับ realme Lab ที่เป็นศูนย์รวมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่อยู่ในขั้นทดลองเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่สนใจได้ทดลองใช้งานก่อนใคร

ในส่วนของความปลอดภัย realme GT Neo2 5G รองรับการปลดล็อกด้วยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-display Optical Fingerprint) และรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)

มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ realme GT Neo2 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 5G Octa-Core Processor ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดระดับ 3.2GHz โดย เครื่องที่วางจำหน่ายจริงในประเทศไทย จะทำงานควบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 (Dual ROM Channels) ขนาด 128GB พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0

ทดสอบการประมวลผลโดยรวมของตัวเครื่องด้วยแอปพลิ เคชัน AnTuTu พบว่า สามารถทำคะแนนได้ทั้งหมด 720,996 คะแนน

ทดสอบการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 5 พบว่า ทำคะแนนการประมวลผลแกนเดี่ยว (Single-Core) ได้ทั้งหมด 1,002 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ได้ทั้งหมด 3,007 คะแนน

ทดสอบการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ด้วยแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่า ทำคะแนนได้ทั้งหมด 4,215 คะแนน

ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ในที่โล่งแจ้ง พบว่ามีความคลาดเคลื่อน +- ไม่เกิน 7 เมตร

เมื่อลองนำไปเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG : Mobile โดยปรับเฟรมเรทอยู่ในระดับ Extreme และปรับกราฟิกอยู่ในระดับ HDR ก็พบว่า สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลโดยไม่มีอาการสะสมความร้อนให้พบเจอ ซึ่งเมื่อทำงานคู่กับลำโพงเสียง Stereo แบบคู่ที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos รวมถึงเปิดใช้งาน GT Mode 2.0 ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องในระดับสูงสุด ก็ยิ่งช่วยให้การเล่นเกมเต็มไปด้วยอรรถรส

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

ทางด้านการถ่ายภาพ realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพรูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Street Photography ที่มีเฉพาะแค่ในสมาร์ทโฟน realme เท่านั้น โดยได้รับการพัฒนาคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การถ่ายภาพง่ายขึ้นกว่าที่เคย

เช่น โหมด Instant Focus สำหรับโฟกัสภาพถ่าย พร้อม Focus Peaking ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้นว่ากล้องกำลังโฟกัสที่ส่วนใดของภาพ

ไปจนถึง Film Simulation ฟิลเตอร์สำหรับปรับเปลี่ยนโทนสีของภาพถ่ายที่มีให้เลือกใช้งานถึง 9 รูปแบบ

นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่าง การถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW, DIS Snapshot สำหรับถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงการสลับระยะเลนส์การถ่ายภาพได้ทั้งหมด 4 ระดับ ไล่ตั้งแต่ 16 มิลลิเมตร, 24 มิลลิเมตร, 50 มิลลิเมตร และ 120 มิลลิเมตร

ในส่วนของโหมดการถ่ายภาพอื่น ๆ ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มมาให้ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Dynamic bokeh และ Bokeh Flare Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมสร้างดวงไฟโบเก้ในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึง AI Color Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบดูดสีเฉพาะตัวแบบ โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำไปปรับแต่งต่อในแอปพลิเคชันอื่น ๆ

โหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง โดยผู้ใช้สามารถเลือกให้ AI ประมวลผลการตั้งค่าของภาพถ่ายให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ หรือจะเปิดใช้งานฟีเจอร์ Pro เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าเกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพด้วยตนเอง

ด้านการถ่ายวิดีโอ รองรับการบันทึกภาพที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ที่ 60FPS พร้อมฟีเจอร์ Ultra Steady สำหรับป้องกันการสั่นไหว, AI Highlight Video สำหรับถ่ายวิดีโอแบบย้อนแสง หรือถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยได้อย่างสว่างคมชัด, Bokeh สำหรับถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงฟิลเตอร์ AI Color Potrait สำหรับถ่ายวิดีโอแบบดูดสีเฉพาะตัวแบบ และ Bokeh Flare Portrait Video สำหรับถ่ายวิดีโอพร้อมสร้างดวงไฟโบเก้ให้มีความสวยงามราวกับกล้องใหญ่

ในส่วนของกล้องหน้าก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่า สนใจไม่แพ้กัน อย่างเช่น โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอที่มีฟิลเตอร์ หรือโหมด Night สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่กลางคืน

ส่วนการถ่ายวิดีโอ รองรับการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD ที่ 30FPS พร้อมฟีเจอร์ Ultra Steady สำหรับป้องการสั่นไหว, Bokeh สำหรับถ่ายวิดีโอเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ พร้อมฟิลเตอร์ AI Color Portrait สำหรับถ่ายวิดีโอแบบดูดสีเฉพาะตัวแบบ และ Bokeh Flare Portrait Video สำหรับถ่ายวิดีโอพร้อมปรับดวงไฟโบเก้ให้มีดวงกลมสวยเหมือนกับถ่ายด้วยกล้องใหญ่

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (64MP AI Triple Camera) ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล ของ realme GT Neo2 5G

ภาพถ่ายจากกล้อง Ultra Wide Angle

ภาพถ่ายจากกล้อง Macro

ภาพถ่ายจากโหมด Super Nightscape

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ภาพถ่ายจากโหมด Street Photography

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ realme GT Neo2 5G

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

สรุปผลการทดสอบของ realme GT Neo2 5G

หลังจากที่มีโอกาสได้ทดสอบใช้งานมา ก็เรียกได้ว่า realme GT Neo2 5G เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 ที่พกพาความน่าสนใจมาแบบรอบด้าน ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติเร็วแรงทุกการใช้งาน บนดีไซน์ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และกล้องถ่ายภาพที่ครบเครื่องพร้อมบันทึกทุกภาพความประทับใจ ในราคาที่คุ้มค่า ด้วยการมาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับบนจากค่าย Qualcomm อย่าง Snapdragon 870 ที่ทำงานผสานกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB รวมทั้งหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz E4 AMOLED ที่แสดงสีสันได้อย่างคมชัดสดใส ลื่นไหลระดับ 120Hz พร้อมตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ด้วยค่า Touch Sampling Rate ระดับ 600Hz ที่ตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างฉับไว บวกกับ GT Mode 2.0 ที่ช่วยรีดประสิทธิการทำงานของตัวเครื่องเพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วในระดับสูงสุด

นอกจากนี้ realme GT Neo2 5G ยังตอบโจทย์ด้านความบันเทิง ด้วยลำโพงเสียงคู่แบบ Dual St ereo Speakers ที่มีระบบเสียงแบบ Dolby Atmo s เพื่อขับเสียงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้อย่างกระหึ่มสมจริง พร้อมมอเตอร์ระบบสั่นแบบ Tactile Engine 2.0 ที่ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ที่รองรับการใช้งานยาวนานตลอดวัน พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 36 นาที เท่านั้น

นอกเหนือจากความโดดเด่นด้านคุณสมบัติแล้ว realme GT Neo2 5G ยังมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพที่มีโหมดการถ่ายภาพแบบจัดเต็มทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Street Photography Mode ที่ผู้ใช้สามารถปรับระยะการโฟกัส, เปลี่ยนฟิลเตอร์ รวมถึงเลือกระยะเลนส์ถ่ายภาพได้ด้วยตนเอง ไปจนถึงโหมดการถ่ายภาพแบบ Portrait ที่มีฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait ที่ช่วยถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมปรับดวงไฟโบเก้ให้มีความสวยงามราวกับกล้องระดับโปร

ในส่วนของคุณสมบัติด้านอื่น ๆ ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มมาให้สมกับสมาร์ทโฟนเรือธงยุคใหม่ เช่น การรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G พร้อมฟีเจอร์ Smart 5G สำหรับสลับสัญญาณการเชื่อมต่อเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ไปจนถึงการรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย Wi-Fi 6

สำหรับท่านใดที่สนใจ realme GT Neo2 5G รุ่น RAM 8GB+ROM 128GB ก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วในราคาเพียง 13,990 บาท ที่ช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada, Shopee และ JD Central พร้อมกันนี้หากซื้อในช่วง Flash Sale 11.11 ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาพิเศษที่ 12,990 บาท

ส่วนในด้านของหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวมาพร้อมกันอย่าง realme Buds Air 2 สี Closer Green ก็ประกาศราคาออกมาแล้วที่เพียง 2,499 บาท โดยสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Lazada, Shopee และ JD Central เช่นเดียวกัน

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง realme ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง realme GT Neo2 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ realme GT Neo2 5G

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Digital Urban Design ที่ผสมผสานธรรมชาติ และดิจิทัลได้อย่างลงตัว พร้อมบอดี้นาโนแบบ 7 ชั้น ที่ช่วยป้องกันลายนิ้วมือ สะท้อนแสงได้อย่างละมุน และทนต่อรอยขีดข่วน (สี NEO Green) - บอดี้บางเพียง 8.6 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบาเพียง 200 กรัม - ระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapor Cooling Plusที่มีโครงสร้างแบบ 8 ชั้น พร้อมซิลิโคน Diamond Thermalสำหรับช่วยถ่ายเทความร้อนออกจากตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว - หน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz E4 AMOLED Display ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ พร้อมเทคโนโลยี Samsung E4 Luminescent, ค่า Refresh Rate สูงสุดระดับ 120Hz, ค่า Touch Sampling Rate สูงสุดระดับ 600Hz, พื้นที่การแสดงผล 92.60%, รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100% กับแบบ NTSC ได้ 106%, ค่า Contrast Ratio ที่ 5,000,000:1, ความสว่างสูงสุด 1300 nits, เทคโนโลยี Smart Sunlight, เซนเซอร์ตรวจวัดแสง 360°, เทคโนโลยี O1 Ultra Vision Engine และการแสดงผลแบบ Dark Mode - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) - ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 5G ความเร็ว 3.2 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 650 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8 GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 128 GB - ฟีเจอร์ GT Mode 2.0 สำหรับช่วยรีดประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องในระดับสูงสุด - แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้ในเวลา 36 นาที - อัลกอริทึม VCVT Intelligent Tuning และ VFC Trickle Chargingเพื่อช่วยให้การชาร์จแบตเตอรี่เป็นไปอย่างปลอดภัย - ฟีเจอร์ Super Power Saving Modeสำหรับประหยัดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ในระดับสูงสุด - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย realme UI 2.0

กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (64MP AI Triple Camera) ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล

- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.73 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, มุมรับภาพ 78.6 องศา (ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ - กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.3, มุมรับภาพ 119 องศา (ทางยาวโฟกัส 15.7 มิลลิเมตร) และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ - กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร, ทางยาวโฟกัส 21.88 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์

พร้อมรองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait, รองรับการปรับเอฟเฟกต์ Bokeh ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Bokeh Flare Portrait, Dynamic Bokeh และ AI Color, โหมดการถ่ายภาพแบบ Super NightScape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัด โดยไม่ต้องตั้งค่าการถ่ายภาพ, โหมดการถ่ายภาพแบบ Ultra Macro สามารถโฟกัสภาพถ่ายได้ใกล้สุดที่ระยะ 4 เซนติเมตร, รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ระดับ 60FPS, ฟีเจอร์ป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวแบบ Ultra Steady, ฟีเจอร์ AI Highlight Video สำหรับถ่ายวิดีโอย้อนแสง และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ

กล้องด้านหน้าแบบ In-Display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.09 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.5, มุมรับภาพ 78 องศา (ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร), Portrait Bokeh, Time-lapse Video, Panoramic View, Beauty, HDR, Face Recognition, Filter, Mirror Image, Super Night Scape, Adjustable Bokeh, Portrait Distortion Correction และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD

- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers) พร้อมรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos และเสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) - รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย Wi-Fi 6, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA, EDGE และ GPRS - ฟีเจอร์ Smart 5G สำหรับสลับสัญญาณการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน - เทคโนโลยี Dual Wi-Fi Acceleration สำหรับเชื่อมต่อ Wi-Fi พร้อมกัน 2 แห่ง เพื่อเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดให้สูงขึ้น - เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2 - ระบบ GPS แบบ Dual Frequency GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม Galileo, Glonass, BeiDou, QZSS และ NavIC - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C - Tactile Engine 2.0 พร้อมมอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear Motor - ราคา 13,990 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ realme GT Neo2 5G

- ไม่มีกล้อง Telephoto แต่ทดแทนด้วยกล้องตัวหลักความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล ที่สามารถครอปภาพเฉพาะส่วนได้อย่างคมชัด - กล้องถ่ายภาพไม่มีระบบป้องกันการสั่นด้วยเลนส์ - ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card หรือแบบอื่น ๆ ได้ - ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ realme GT NEO2 5G ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

Leave a Comment