รีวิว Huawei P30 Pro พร้อมสีใหม่ Amber Sunrise ที่สุดของสมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายภาพ และสเปกแรงไฮเอนด์ขั้นสุด บนดีไซน์พรีเมียมน่าสัมผัส :: Thaimobilecenter.com HUAWEI P30 Pro

ที่สุดของสมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายภาพ และสเปกแรงไฮเอนด์ขั้นสุด บนดีไซน์พรีเมียมน่าสัมผัส ด้วยกล้อง Leica Quad Camera 40 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, จอขอบโค้ง OLED Dewdrop ใหญ่ 6.47 นิ้ว ผสานเทคโนโลยี In-Screen Fingerprint, ชิปเซ็ต Kirin 980 ตัวท็อป, ROM สูงสุด 512GB, RAM 8GB, แบตเตอรี่ SuperCharge 40W 4200mAh และลำโพง Acoustic Display สุดล้ำ บนตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยเด่นที่กันน้ำได้

ย้อนกลับไปในงานอีเวนท์ #REWRITETHERULES เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Huawei ได้สร้างปรากฏการณ์แห่งการถ่ายภาพด้วยมือถือครั้งใหม่ด้วยการเปิดตัว HUAWEI P30 และ HUAWEI P30 Pro สองสมาร์ทโฟนที่ผนึกกำลังร่วมกับแบรนด์ Leica ในการพัฒนากล้องถ่ายภาพที่มีความล้ำหน้ามากกว่ารุ่น HUAWEI P20 Series ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มจำนวนกล้องให้มากขึ้น, เปลี่ยนเซ็นเซอร์รับภาพใหม่ รวมไปถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการถ่ายภาพให้ตอบโจทย์การบันทึกภาพความประทับใจ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมากยิ่งขึ้น แต่รุ่นที่เป็นไฮไลท์เด่นของงานคงหนีไม่พ้น HUAWEI P30 Pro สมาร์ทโฟนกล้องหลัง 4 ตัวรุ่นแรกของ Huawei ที่ได้รับการการันตีจาก DxOMark ด้วยคะแนนทดสอบกล้องสูง ถึง 112 คะแนน ขึ้นแท่นเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดีที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ และล่าสุดในบ้านเราก็เพิ่งเปิดตัว พร้อมวางจำหน่ายสีใหม่ที่สวยเด่นเป็นพิเศษอย่างสีส้มอำพัน หรือ Amber Sunrise อีกด้วย สำหรับ HUAWEI P30 Pro มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายด้าน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ OLED ขนาด 6.47 นิ้ว บนดีไซน์ทรงหยดน้ำค้างที่มีชื่อว่า Dewdrop Display ที่มีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้านใต้หน้าจอ ผสานกับฝาหลังที่เลือกใช้กระจกขอบโค้งโอบรับเข้ากับอุ้งมือผู้ใช้งาน พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP68 ช่วยเสริมความ มั่นใจในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

ส่วนชุดกล้องถ่ายภาพ 4 ตัว ที่ได้รับคะแนนทดสอบสูงสุดจาก DxOMark ก็มีการจับมือพัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องถ่ายภาพระดับโลกอย่าง Leica เพื่อรีดประสิทธิภาพกล้อง ให้ออกมาสูงสุดเช่นเดิม พร้อมกับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกล้องครั้งใหญ่ เริ่มตั้งแต่ กล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ที่หันไปใช้เซ็นเซอร์รับภาพ SuperSpectrum แบบใหม่ที่จัดเรียงพิกเซลแบบ RYYB , กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 20 ล้านพิกเซล , กล้องเลนส์ซูมแบบ Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง HUAWEI ToF ที่เข้ามาช่วยตรวจสอบระยะชัดตื้นโดยเฉพาะ ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ก็อัปเกรดความละเอียมากขึ้นเป็น 32 ล้านพิกเซล เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพเซลฟี่ที่ดีกว่าเดิม

ทางด้านประสิทธิภาพการทำงาน ก็ปรับไปใช้ขุมพลังตัวท็อปอย่าง Kirin 980 Octa-Core Processor เหมือนกับรุ่นพี่ HUAWEI Mate 20 Series พร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB หรือสูงสุด 512GB สำหรับสีใหม่อย่าง Amber Sunrise และแบตเตอรี่ความจุ 4200mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ HUAWEI SuperCharge 40W เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานของทุกท่านได้อย่างเต็มที่

อ่านจากข้อมูลด้านต้นน่าจะเห็นได้ว่า HUAWEI P30 Pro เป็นสมาร์ทโฟนตัวเรือธงอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยตัวเครื่องจริงจะเป็นอย่างไร มีฟีเจอร์จัดเต็มมากน้อยขนาดไหน ไปรับชมรีวิวฉบับเต็มพร้อมกันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

เริ่มต้นที่การแกะกล่องกันก่อน สำหรับ HUAWEI P30 Pro มาพร้อมกับกล่องบรรจุภัณฑ์สีขาว ซึ่งที่ด้านหน้ามีการประทับข้อความ HUAWEI P30 Pro พร้อมข้อความ Leica Quad Camera ซึ่งสื่อถึงคุณสมบัติด้านกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เอาไว้อย่างชัดเจน

สำหรับอุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องประกอบไปด้วย เคสใส, คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล, หูฟังพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และอแดปเตอร์ชาร์จไฟที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge

สำหรับเคสใสที่แถมมาให้ภายในกล่องสามารถปกป้อง ตัวเครื่องโดยรอบได้เป็นอย่างดี รวมทั้งตัวเคสจะความหนากว่าตัวเครื่องพอสมควร ทำให้สามารถปกป้องชุดกล้อง Leica Quad Camera ทั้งสี่ตัวได้แบบครบถ้วนครับ

มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับ HUAWEI P30 Pro มีการปรับโฉมจากรุ่น HUAWEI P20 Pro พอสมควรด้วยการปรับไปใช้ดีไซน์หน้าจอทรงหยดน้ำค้าง หรือ Dewdrop Display คล้ายกับรุ่น HUAWEI Mate 20 โดยตัวแผงหน้าจอจะเป็นแบบ OLED ที่แสดงสีสันได้อย่างคมชัดสดใส พร้อมขนาดการแสดงผลใหญ่เต็มตาที่ 6.47 นิ้ว บนความละเอียดระดับ Full HD+ (2340x1080 พิกเซล) โดยตัวหน้าจอของ HUAWEI P30 Pro จะรองรับการแสดงสีสันตามมาตรฐาน DCI-P3 ซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี

ใต้หน้าจอแสดงผลส่วนล่างของ HUAWEI P30 Pro มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้วย โดยทาง Huawei ระบุว่า สามารถปลดล็อกได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนราว 30% ด้วยกัน

มาดูที่ด้านหลังตัวเครื่องกันบ้าง โดย HUAWEI P30 Pro เลือกใช้บอดี้แบบกระจกขอบลงโค้งเพื่อช่วยให้การจับถือกระชับมือมากยิ่งขึ้น

ส่วนสีสันยังเป็นแบบไล่เฉดจากสีอ่อนไปหาสีเข้ม และสามารถสะท้อนออกมาเป็นสีต่างๆ ตามมุมแสงที่ตกกระทบ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ด้านงานออกแบบของ Huawei ที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่น HUAWEI P20 Series โดยสีสวยๆ อย่างสี Breathing Crystal ที่เห็นอยู่นี้ ทาง HUAWEI ระบุว่า มีการเคลือบผิวสัมผัสแบบ Nano Optical Color ทั้งหมด 9 ชั้น ซึ่งแม้ว่าดูค่อนข้างเยอะ แต่จริงๆ แล้ว ความหนาของชั้นสีเทียบเท่ากับสัดส่วน 1/1000 ของกระดาษบางๆ เพียงหนึ่งแผ่นเท่านั้นเองครับ

ในส่วนของสี Aurora บน HUAWEI P30 Pro หลายท่านอาจจะเคยเห็นสีสันที่คล้ายกันในลักษณะนี้บนมือถือ Huawei บางรุ่นมาแล้ว อย่างเช่นในรุ่น HUAWEI nova 4 ที่มาพร้อมกับสี Aurora Blue เป็นต้น แต่สำหรับสี Aurora ของ HUAWEI P30 Pro จะมีการเพิ่มลวดลายคล้ายกับแสงม่านแสงเหนือบนท้องฟ้า รวมทั้งลวดลายจะมีการเคลื่อนไหวไปตามมุมที่โดนแสงตกกระทบคล้ายกับการเต้นระบำของแสงเหนือ

ส่วนสีใหม่ล่าสุดอย่างสีส้มอำพัน Amber Sunrise ที่เพิ่งเปิดตัว และเปิดให้สั่งจองในประเทศไทยไปสดๆ ร้อนๆ ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีของแสงอาทิตย์ยามเช้าที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ โดยจะเป็นเฉดสีแดงผสานกับสีส้มที่เข้ากันอย่างลงตัว ซึ่งทำให้ตัวเครื่องดูมีความโดดเด่นสวยสะดุดตาไม่ใช่น้อย นอกจากนี้ HUAWEI P30 Pro สีส้มอำพัน Amber Sunrise นั้นจะมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาด 512GB ซึ่งถือว่ามากกว่า HUAWEI P30 Pro สีปกติเป็นเท่าตัว

อีกทั้งจะได้รับของแถมเป็นเคสกลิตเตอร์จากแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเพชรสุดพรีเมียมอย่าง Swarovski ด้วย

อีกทั้งยังมาพร้มกับคุณสมบัติป้องกันน้ำ และฝุ่นที่ระดับ IP68 สามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสุด 30 นาที

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

HUAWEI P30 Pro มทำงานอยู่บระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.1 ซึ่งเป็น UI เวอร์ชันล่าสุดที่ทาง Huawei ได้พัฒนาขึ้น โดยเน้นจุดเด่นไปเรื่องของดีไซน์โดยรวมที่สามารถใช้งานได้ง่าย, ความลื่นไหล และฟีเจอร์เพียบพร้อมจัดเต็มตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน

รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G ทั้งสองซิมการ์ด นอกจากนี้ ยังรองรับการสนทนาผ่านเทคโนโลยี VoLTE (Voice over LTE) ทั้งสองซิมการ์ด รวมถึงเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านเครือข่าย Wi-Fi อย่าง Wi-Fi Calling

สามารถปรับรูปแบบการแสดงสีสัน รวมถึงอุณหภูมิสีได้ด้วยตนเอง

มาดูในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ HUAWEI P30 Pro ขับเคลื่อนการทำงานด้วยขุมพลัง Kirin 980 Octa-Core Processor ประกบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายในขนาด 256GB หรือ 512GB (เฉพาะสี Amber Sunrise) และรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 Pie ตั้งแต่แกะกล่อง

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ

โดยในส่วนของ Night Capability นั้น HUAWEI ได้ปฏิวัติกล้องมือถือใหม่ด้วยการคิดค้นการจัดเรียงพิกเซลบนเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพ ใหม่ยกชุด โดยปกติแล้วเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพที่ใช้บนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปจะเป็นแบบ RGGB ซึ่งเป็นการเรียงพิกเซลแบบ สีแดง, สีเขียว, สีเขียว และสีน้ำเงิน แต่บน HUAWEI P30 Pro ใช้เซ็นเซอร์แบบใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า SuperSpectrum โดยจัดเรียงพิกเซลสีแบบ RYYB คือ สีแดง, สีเหลือง, สีเหลือง และสีน้ำเงิน ซึ่งถือว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้เซ็นเซอร์ในลักษณะนี้ และยังเป็นการปฏิวัติเซ็นเซอร์แบบ RGGB ที่ใช้กันมายาวนานถึง 40 ปี โดยข้อดีของเซ็นเซอร์แบบใหม่บน HAWEI P30 Pro คือ การรับแสง (Light Intake) ที่ดีขึ้น 40% เนื่องจากในส่วนของฟิลเตอร์สีเหลืองจะทำหน้าที่รับข้อมูลทั้งสีเขียว และสีแดงเข้ามาพร้อมกัน รวมทั้ง ISP (Image Signal Processing : หน่วยประมวลผลภาพถ่าย) ก็มีการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยประมวลผลการทำงานของเซ็นเซอร์แบบใหม่ตัว นี้ด้วย

สามารถตั้งค่าความละเอียดของภาพถ่ายได้สูงสุด 40 ล้านพิกเซล,ตั้งค่าการแนบสถานที่ไปกับภาพถ่าย และสามารถเลือกเปิด-ปิด ลายน้ำที่อยู่มุมซ้ายล่างของภาพถ่ายได้ด้วยตนเอง

ในส่วนของด้านล่างจะเป็นโหมดการถ่ายภาพในรูปแบบ ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับเอฟเฟ็กต์ของโบเก้ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Super, Circles, Hearts, Swirl , Discs, Photo Booth, Folding Blinds, Pop และ Stage Lighting รวมถึงเอฟเฟ็กต์หน้าสวย (Beauty) ได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งปรับระดับการซูมภาพได้ทั้งหมด 3 ระดับ ไล่ตั้งแต่ 1x - 3x

ถัดมาเป็นฟังก์ชัน Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง โดยในหน้านี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ (Speed Shutter) 1 /4 - 32 วินาที และสามารถตั้งค่าความไวแสง (ISO) ได้ตั้งแต่ 100 - 1600 นอกจากนี้ ยังสามารถปรับระดับการซูมได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ 0.6x, 1x, 5x และ 10x

ด้านซ้ายสุดคือโหมด Aperture ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายได้อย่างง่ายๆ ผ่านการจำลองเอฟเฟ็กต์ค่ารูรับแสงตั้งแต่ f/0.95 - f/16 และสามารุใช้งานฟังก์ชันซูมภาพได้ตั้งแต่ 1x-3x

เมื่อปัดมาทางด้านขวาจะพบกับโหมดถ่ายภาพแบบ Pro ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของกล้องได้ด้วยตนเอง เริ่มตั้งแต่ ตั้งค่า ISO 50 ถึง 409600, ตั้งค่า Speed Shutter ได้ตั้งแต่ 1//4000 ถึง 30 วินาที, ตั้งค่าชดเชยแสง (EV) ได้ตั้งแต่ -4.0 EV ไปจนถึง +4.0 EV, ตั้งค่าระบบโฟกัสได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ AF-S สำหรับถ่ายภาพวัตถุที่ไม่มีการเคลื่อนไหว, AF-C สำหรับถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา, MF สำหรับเลือกระยะโฟกัสด้วยตนเอง และสามารถตั้งค่าความสมดุลแสงสีขาว (White Balance) ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ

นอกจากฟังก์ชันทั้งหมด ผู้ใช้ยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ ได้ผ่านออพชัน More ไม่ว่าจะเป็น Slow-mo, Panorama, Monochrome, AR Lens, Super Macro หรือ Dual-View เป็นต้น

ในส่วนของฟังก์ชัน Dual-View ที่ถูกเพิ่มมาใหม่นั้น จะมีการแบ่งหน้าต่างของแต่ละเลนส์เอาไว้อย่างชัดเจน โดยทางฝั่งซ้ายจะเป็นเลนส์ซูม Periscope ที่สามารถปรับระดับการซูมได้ตั้งแต่ 2x ถึง 15x ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นเลนส์ Ultra Wide Angle ซึ่งจะไม่สามารถปรับระดับการซูมได้ครับ และจะจำกัดการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P เท่านั้น

ส่วนทางด้านโหมดถ่ายวิดีโอ ผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบการซูมได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ 0.6x, 1x, 5x และ 10x พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD

มาดูในส่วนของอินเทอร์เฟสกล้องหน้ากันบ้าง ซึ่งโดยรวมแล้วจะคล้ายคลึงกับกล้องหลัง แต่ออพชันการตั้งค่าต่างๆ ที่ด้านบนจะถูกปรับให้เหมาะสมกับการถ่ายเซลฟี่มากขึ้น ได้แก่ การเปิดไฟแฟลชจากหน้าจอ และการเปิด-ปิด ฟังก์ชัน AI HDR พร้อมสามารถตั้งค่าความละเอียดของภาพถ่ายได้สูงสุดที่ 32 ล้านพิกเซล

ที่ด้านล่างมาพร้อมกับโหมดถ่ายเซลฟี่ในรูปแบบต่างๆ ให้เลือกใช้งาน อาทิ Portrait สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ โดยสามารถเลือกปรับเอฟเฟ็กต์ของโบเก้ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Super, Circles, Hearts, Swirl , Discs, Photo Booth, Folding Blinds, Pop และ Stage Lighting รวมถึงเอฟเฟ็กต์หน้าสวย (Beauty) พร้อมทั้งสามารถปรับเอฟเฟ็กต์หน้าสวยที่ปรับแต่งส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ความเรียบเนียนของผิว หรือโครงหน้า เป็นต้น

ด้านโหมด AR Lens สำหรับสร้างอีโมจิแบบเคลื่อนไหวตามการขยับใบหน้ายังคงมีให้ใช้งานอยู่เช่นเดิม โดยสามารถเปิดใช้ได้ที่ออพชัน More ครับ

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Stickers สำหรับติดสติ๊กเกอร์สุดน่ารักบนภาพถ่ายเพื่อเพิ่มสีสันได้อีกด้วย

ส่วนทางด้านโหมดถ่ายภาพวิดีโอ สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน AI HDR ได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งปรับเอฟเฟ็กต์หน้าสวย (Beuaty) ได้ โดย HUAWEI P30 Pro จะรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080P ครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (Leica Quad Camera) ความละเอียดระดับ 40+20+8 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง HUAWEI ToF ของ HUAWEI P30 Pro

เปรียบเทียบภาพถ่ายจากการซูมแต่ละระยะตั้งแต่ 0.6x - 50x

ภาพถ่ายจากกล้องตัวหลัก

ภาพถ่ายจากด้วยฟังก์ชัน Monochrome

ภาพถ่ายด้วยฟังก์ชัน Moon

ภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟกต์โบเก้รูปหัวใจ

ภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟกต์โบเก้รูปวงกลม

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 32 ล้านพิกเซลของ HUAWEI P30 Pro

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟ็กต์การจัดแสงแบบ Stage Lighting

สรุปผลการทดสอบของ HUAWEI P30 Pro

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับสำหรับรีวิวเจาะลึก HUAWEI P30 Pro ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่า HUAWEI P30 Pro เป็นมือถือที่เหมาะกับผู้ที่อยากได้มือถือที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพ และวิดีโอในระดับสูง พร้อมลูกเล่นด้านการถ่ายภาพต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย แม้ว่าจะไม่ใช่มือโปร แต่ก็สามารถถ่ายภาพให้ออกมาสวยงามแบบมืออาชีพได้ รวมไปถึงผู้ที่มองหามือถือเรือธงที่มาพร้อมกับสเปกเร็วแรงแบบจัดเต็มที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่ง HUAWEI P30 Pro ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว

โดยกล้องถ่ายภาพของ HUAWEI P30 Pro เลือกใช้ชุดกล้อง 4 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica (Leica Quad Camera) ซึ่งกล้องแต่ละตัวก็ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การถ่ายภาพในแต่ละสถานการณ์ โดยกล้องตัวหลักที่ใช้เซ็นเซอร์ SuperSpectrum ก็เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทั่วไป รวมถึงการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยเนื่องจากตัวเซ็นเซอร์สามารถเก็บแสงได้ดีขึ้น และยังสามารถดันค่า ISO ไปได้สูงถึง 409600 ส่วนกล้อง Ultra Wide Angle ก็เหมาะแก่การเก็บบรรยากาศวิวทิวทัศน์ที่อยู่ด้านหน้า โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถอยหลังเพื่อเก็บภาพให้ครบเหมือนกับสมาร์ทโฟนทั่วไป ทางด้านกล้อง Periscope ก็ถูกออกแบบมาสำหรับช่วยเรื่องของการถ่ายภาพที่อยู่ไกลตัวแบบโดยเฉพาะ เช่น การถ่ายบรรยากาศภายในคอนเสิร์ต หรือการถ่ายสัตว์ต่างๆ ภายในสวนสัตว์ เป็นต้น ขณะที่กล้อง HUAWEI ToF แม้จะไม่ได้ถูกใช้บันทึกออกมาเป็นภาพถ่ายโดยตรง แต่ก็มีส่วนช่วยในเรื่องของการทำงานร่วมกับกล้องตัวอื่นๆ เพื่อทำเอฟเฟกต์ไล่ระดับการเบลอฉากหลังคล้ายกับกล้องระดับโปร เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพแนว Portrait นั่นเอง

ส่วนด้านประสิทธิภาพการทำงานชูจุดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลทรงหยดน้ำค้าง Dewdrop Display ขนาด 6.47 นิ้ว ที่เลือกใช้เทคโนโลยีการแสดงผลแบบ OLED ซึ่งมีจุดเด่นด้านการแสดงสีสันได้อย่างสดใส และประหยัดพลังงาน พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลังตัวท็อปอย่าง Kirin 980 Octa-Core Processor ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Dual-NPU สำหรับช่วยประมวลผลงานต่างๆ เกี่ยวกับ AI โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB ช่วยให้การเปิดใช้งาน หรือการสลับแอปพลิเคชันเป็นไปอย่างลื่นไหล พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB หรือ 512GB (เฉพาะสี Amber Sunrise) ที่ช่วยให้เราสามารถเก็บบันทึกคอนเทนต์, ภาพถ่าย และวิดีโออย่างเต็มอิ่ม ที่สำคัญ HUAWEI P30 Pro ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่จุใจขนาด 4200mAh เพื่อรองรับการใช้งานตลอดวัน และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าไปได้ในเวลาอันรวดเร็วด้วยระบบ HUAWEI SuperCharge 40W รวมถึงระบบการชาร์จไร้สายที่รองรับการจ่ายไฟได้สูงถึง 15W

สำหรับ HUAWEI P30 Pro เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ 31,990 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สี Black, Breathing Crystal และ Aurora ส่วนรุ่นพิเศษใหม่ล่าสุดอย่าง สีส้มอำพัน (Amber Sunrise) ที่มาพร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาดใหญ่กว่าที่ 512GB ก็ได้เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วเช่นกันที่ 37,990 บาท พร้อมรับฟรีเคส HUAWEI P30 Pro Swarovski Glamorous Case มูลค่า 2,990 บาท (แถมมาภายในแพ็กเกจ)

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Huawei ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง HUAWEI P30 Pro มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ HUAWEI P30 Pro

- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามพรีเมียม ด้วยการผสมผสานระหว่างโลหะ กับกระจก พร้อมการไล่เฉดสีด้วยแรงบันดาลใจจากความสวยงามในธรรมชาติ - ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 (สามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตรเป็นเวลานาน 30 นาที) - หน้าจอแสดงผลขอบโค้งดีไซน์ทรงหยดน้ำค้าง OLED Dewdrop Display ขนาด 6.47 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2340x1080 พิกเซล (Full HD+) - รองรับการแสดงผลตามช่วงสีแบบ DCI-P3 - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 980 ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.6GHz - สถาปัตยกรรมการผลิตชิปเซ็ตระดับ 7 นาโนเมตร - หน่วยประมวลผลแยกสำหรับปัญญาประดิษฐ์แบบ Dual-NPU - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76 MP10 - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 Pie พร้อมครอบทับด้วย EMUI 9.1 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB หรือ 512GB (เฉพาะสีส้มอำพัน Amber Sunrise) พร้อมรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ Nano Memory Card - กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (Leica Quad Camera) ความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle และ Periscope ที่มีค่ารูรับแสงกว้าง f/1.6+f/2.2+f/3.4 และกล้อง HUAWEI ToF สำหรับช่วยตรวจจับข้อมูลระยะชัดตื้นได้อย่างแม่นยำ - ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (เฉพาะกล้องตัวหลัก และกล้อง Periscope) และระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI Image Stabilization) - รองรับการซูมภาพได้ตั้งแต่ 0.6x ถึง 50x - เซ็นเซอร์รับภาพแบบ SuperSpectrum ที่จัดเรียงพิกเซลแบบ RYYB สามารถดันค่า ISO ได้สูงสุด 409600 - เซ็นเซอร์ Color Temperature สำหรับวัดอุณหภูมิแสง และ Flicker Sensor สำหรับช่วยวิเคราะห์ความถี่ของแสงบนสภาพแวดล้อมโดยรอบ - ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) - ฟังก์ชัน Master AI สำหรับตรวจจับซีน และวัตถุต่างๆ ที่อยู่โดยรอบเพื่อทำการปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้แบบอัตโนมัติ - โหมดถ่ายภาพแบบ Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอที่ละลายฉากหลังได้อย่างแม่นยำผ่านการทำงานร่วมกับ กล้อง HUAWEI ToF - โหมดถ่ายภาพแบบ Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง - โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Dual-View สำหรับบันทึกภาพวิดีโอจากเลนส์ Ultra Wide และเลนส์ Periscope พร้อมกัน - รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมฟีเจอร์ AI HDR+ และฟีเจอร์ Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับเปลี่ยนเอฟเฟ็กต์การจัดแสงได้ภายในตัว - ลำโพงสนทนาแบบ HUAWEI Acoustic Display ซึ่งเป็นการเปล่งเสียงออกมาจากหน้าจอ - ระบบเสียง Dolby Atmos - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Screen Fingerprint) - ระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition) - แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ HUAWEI SuperCharge 40W - รองรับฟังก์ชันการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 15W Wireless Fast Charge - รองรับเทคโนโลยี Reverse Wireless Charge - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi dual Band - ระบบ GPS แบบ Dual-Frequency GPS สามารถตรวจจับคลื่นความถี่ L1 และ L5 ได้พร้อมกัน พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย, Beidou ของประเทศจีน และ GALILEO ของสหภาพยุโรป - ราคา 31,990 บาท สำหรับรุ่นปกติ หรือ 37,990 บาท สำหรับรุ่นพิเศษสีส้มอำพัน (Amber Sunrise)

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ HUAWEI P30 Pro

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

Leave a Comment