รีวิว OPPO A7 สมาร์ทโฟนจอใหญ่ไร้ขอบ พร้อมแบตยักษ์ และกล้องชัดทั้งหน้า-หลัง ในราคาไม่ถึง 7 พัน! :: Thaimobilecenter.com

สมาร์ทโฟนจอใหญ่ไร้ขอบ พร้อมแบตยักษ์ และกล้องชัดทั้งหน้า-หลัง ในราคาไม่ถึง 7 พัน! ด้วยจอ Waterdrop ไร้ขอบ 6.2 นิ้ว, แบตเตอรี่อึดจุใจ 4230 mAh, กล้องหน้า AI คมชัด 16 ล้านพิกเซล+กล้องหลังคู่ AI, ชิปเซ็ต Snapdragon 450+RAM 4GB, เล่นเกมไม่สะดุดด้วย Game Space และระบบสแกนนิ้ว+สแกนใบหน้า บนบอดี้ลายเส้นตรงแนวตั้งพรีเมียมเงางาม ในราคาเพียง 6,990 บาท!

12 ธันวาคม 2018 - หลังจากการเปิดตัว OPPO A3s มือถือรุ่นเล็กกับสเปกจัดเต็มด้วยจอไร้ขอบ พร้อมแบตอึด 4230 mAh และระบบกล้องคู่ (Dual Camera) เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ล่าสุดนี้ทาง OPPO ประเทศไทยก็ได้ส่ง OPPO A7 รุ่นต่อยอดจากตระกูล A-Series มาทำตลาดในบ้านเราเพิ่มเติมแล้ว

OPPO A7 มาในดีไซน์หน้าจอไร้ขอบโฉมใหม่แบบหยดน้ำ (Waterdrop Screen) ขนาดใหญ่ 6.2 นิ้วที่มีรอยบากขนาดเล็กสำหรับกล้องหน้าเท่านั้น โดยมีความละเอียดระดับ HD+ ในอัตราส่วน 19:9 โดยมีสัดส่วนจอแสดงผลกับตัวเครื่องอยู่ที่ 88.4% และ ตัวเครื่องด้านหลังเงางาม สะท้อนเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบได้ ด้วยเทคโนโลยีการเคลือบผิวสัมผัสแบบกระจก 3D (Glossy Design) และลวดลายเส้นตรงในแนวตั้งที่สวยพรีเมียมมากขึ้น รวมถึงตัวเครื่องมีขนาด 155.9x75.4x8.1 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 168 กรัม จึงสามารถจับถือตัวเครื่องได้ถนัดมือ ใช้งานได้สะดวก และไม่หนักมากจนเกินไป

ทางด้านสเปกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 พร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB โดยมีความจุภายในตัวเครื่องที่ 64GB และสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีก 256GB เรียกได้ว่าสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพ, วิดีโอ และแอปพลิเคชันต่างๆ ได้เพียงพอในการใช้งานระดับพื้นฐาน ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo (ครอบทับด้วย ColorOS 5.2) และมีแบตเตอรี่ความจุ 4230 mAh พร้อมเทคโนโลยี AI Battery ที่ช่วยจัดการพลังงานภายในตัวเครื่อง พร้อมกับแอปพลิเคชันที่ค้าง และไฟล์ขยะต่างๆ ได้

นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะอย่าง Game Space ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ ขณะเล่นเกม และสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องกดออกจากเกม รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้

ด้านการถ่ายภาพ OPPO A7 ติดตั้งระบบ กล้องคู่ (Dual Camera) ที่ด้านหลัง โดยมีความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายภาพในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมโหมดหน้าสวย ส่วน กล้องหน้าคมชัด 16 ล้านพิกเซล ที่รองรับเทคโนโลยี AI Beauty 2.1 และฟังก์ชัน Depth Effect สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงฟังก์ชัน HDR สำหรับถ่ายภาพย้อนแสง หรือมีแสงจ้า และลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Sticker ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการถ่ายเซลฟี่

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า OPPO A7 มีจุดเด่นที่น่าสนใจในหลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องแบบพรีเมียม หรือฟีเจอร์ที่จัดมาให้แบบครบครัน ในราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 6,990 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมการ รีวิว OPPO A7 ไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO A7 มาในแพ็กเกจสีขาวสะอาดดา

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ได้แก่ เคสใส, อะแดปเตอร์, สายเชื่อมต่อแบบ MicroUSB, คู่มือการใช้งาน และเข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด

ภาพตัวอย่างการใส่เคสใสที่มาในแพ็กเกจ

OPPO A7 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล IPS LCD ไร้ขอบแบบหยดน้ำ (Water Drop Screen) ขนาด 6.2 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 (พื้นที่การแสดงผล 88.4%) ความละเอียดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล : 271 ppi) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูน 2.5D

ตัวเครื่องขนาด 155.9x75.4x8.1 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 168 กรัม สามารถจับถือตัวเครื่องได้ถนัดมือ ใช้งานได้สะดวก และไม่หนักมากจนเกินไป

ที่ด้านบนประกอบไปด้วยกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.0 และรองรับเทคโนโลยี AI Beauty 2.1 สำหรับเรียนรู้ลักษณะเฉพาะของใบหน้าผู้ใช้งาน เพื่อนำมาปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงาม (วิเคราะห์ลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานทั้งหมด 296 จุด) พร้อมลำโพงสนทนาที่ด้านบน และติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

นอกจากนี้ยังรองรับระบบการสแกนใบหน้า (Facial Recognition) ในการปลดล็อกตัวเครื่องอีกด้วย

ด้านหน้าส่วนล่างใช้ปุ่มควบคุมบนหน้าจอแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ

ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงภายนอก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB, ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ, เปิด-ปิด เครื่อง และเรียกใช้ Google Assistant

OPPO A7 ใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิวสัมผัสคล้ายกระจกแบบ 3D (Glossy Design) กับลวดลายเส้นตรงในแนวตั้งแบบใหม่ที่สวยพรีเมียมมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ และติดตั้งระบบกล้องคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED โดยรองรับการถ่ายภาพแบบโบเก้ และเทคโนโลยี AI Beauty รวมถึงเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ตรงกลาง โดยสีที่ทางทีมงานได้รับมารีวิวนั้นคือสีทอง Glaring Gold

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

OPPO A7 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8.1 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย ColorOS 5.2 โดยรองรับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB พร้อมความจุภายในตัวเครื่อง 64GB และสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้อีก 256GB

และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G แบบ Dual 4G LTE

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Toggle Swtich ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ รวมถึง Notification Center แถบการแจ้งเตือนต่างๆ

โดยสามารถปรับตำแหน่งของคีย์ลัดต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ

เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Smart Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่คอยแนะนำฟีเจอร์ และข้อมูลต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟน เช่น ข้อมูลการออกกำลังกาย, ภาพถ่ายในแต่ละสัปดาห์ หรือรายชื่อผู้ติดต่อที่ติดต่อเป็นประจำ และยังสามารถปรับแต่งรูปแบบแอปพลิเคชันที่แสดงภายในหน้า Smart Assistant ได้ ด้วยการกดไอคอนแก้ไข (Edit) บริเวณด้านล่าง

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน หรือ Widget ได้ตามที่ต้องการ และเมื่อลากนิ้วมือเข้าหากันจะเข้าสู่หน้าการเลือกใช้งาน Widget และเอ็ฟเฟ็กต์ขณะเปลี่ยนหน้า

และเมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อผู้ติดต่อ, การบันทึกเสียง, เข็มทิศ, เครื่องคิดเลข, Clone Phone, One-Tap Lockscreen สำหรับล็อกหน้าจอ และ Keep Notes สำหรับบันทึกข้อมูลต่างๆ

สามารถปรับค่าการแสดงผลต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ปรับความสว่างอัตโนมัติ, อุณหภูมิสี หรือขนาดของตัวอักษร และด้วยดีไซน์ของ OPPO A7 ที่เป็นแบบ Water Drop Screen ในอัตราส่วน 19:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้

รองรับฟังก์ชัน Night Shield สำหรับปรับความสว่างหน้าจอเพื่อให้สบายตาขณะใช้งานในเวลากลางคืน

สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน Lockscreen Magazine ในการเปลี่ยนภาพล็อกหน้าจอทุกครั้งที่เปิดการทำงาน และเลือกจำนวนการแสดงผลของไอคอนบนหน้าจอได้

การแสดงไอคอนแบบ 4x6 และ 5x6

สามารถปรับเปลี่ยนภาพื้นหลัง (Wallpaper) และธีมของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ

สำหรับท่านที่ต้องการใช้งานพื้นหลัง หรือรูปแบบธีมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้จากแอปพลิเคชัน Theme Store

แอปพลิเคชัน Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน หรือเลือกใช้งานการควบคุมแบบ Swipe-Up Gesture Navigation ในการปัดหน้าจอขึ้นลักษณะต่างๆ เพื่อสั่งการ โดยมีให้เลือกใช้งานตามความถนัดถึง 4 รูปแบบ

รวมถึงการเปิดใช้งานฟังก์ชัน Assistive Ball ปุ่มคีย์ลัดที่สามารถเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้

รวมถึงฟังก์ชัน Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด และแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบสีขาวที่หน้าจอ

โดยรองรับการใช้งานในแนวนอนด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Full Screen Multitasking สำหรับเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ เช่น การเล่นเกม หรือการชมวิดีโอต่างๆ

และสามารถเลือกแอปพลิเคชันอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมในแถบ Smart Slider ได้

เมื่อกดค้างที่แอปพลิเคชันต่างๆ จะปรากฎคีย์ลัด เพื่อการใช้งานที่สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น

OPPO A7 รองรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย การยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อเป็นการปลุกการทำงาน หรือการแคปเจอร์หน้าจอด้วยการลาก 3 นิ้วจากบนลงล่าง และ Smart Call การโทรแบบอัจฉริยะ ที่สามารถตั้งค่าให้รับสาย หรือโทรออกได้อัตโนมัติเมื่อมีการแนบตัวเครื่องกับใบหู รวมถึงการยกหน้าจอเพื่อปิดเสียงขณะมีสายเรียกเข้า

โดยที่สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย

รวมถึง Screen-Off Gestures การวาดนิ้วในลักษณะต่างๆ ขณะหน้าจอดับอยู่ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น แตะสองครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ, วาดตัวอักษร O เพื่อเปิดแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ, วาดตัวอักษร V เพื่อเปิดใช้งานไฟฉาย และการวาดตัวอักษร < หรือ > เพื่อเปลี่ยนเพลง นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ารูปแบบการวาดเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถเรียกใช้งาน Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google บน OPPO A7 ได้ด้วยเช่นกัน โดยกดค้างที่ปุ่มโฮมบนหน้าจอ หรือกดค้างที่ปุ่ม Power ประมาณ 2 วินาที โดยผู้ใช้สามารถสั่งงานภายในตัวเครื่อง รวมถึงค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการผ่านคำสั่งเสียง

OPPO A7 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4230 mAh พร้อมเทคโนโลยี AI Battery ที่ช่วยจัดการพลังงานภายในตัวเครื่อง พร้อมกับแอปพลิเคชันที่ค้าง และไฟล์ขยะต่างๆ โดยรองรับการใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน ที่เมื่อกดใช้งานแถบแบตเตอรี่บนหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

ฟังก์ชัน Quiet Time สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน

OPPO A7 มาพร้อมฟังก์ชันเอาใจสายโซเชียลอย่าง Clone Apps สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

OPPO A7 ยังมีฟังก์ชัน App Split-Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 4 วิธี

ตัวอย่างการใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

สำหรับผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟน OPPO ด้วยกันก็สามารถแชร์ข้อมูลหากันได้ทันทีผ่านระบบ OPPO Share

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 2 แบบ คือ รวมภาพถ่ายทั้งหมด และแสดงแบบแยกอัลบั้ม

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยบน OPPO A7 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

และการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Facial Unlock) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น

สำหรับท่านที่ใช้งาน OPPO A7 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แล้วอยากย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน Clone Phone ได้ทันที

แอปพลิเคชัน Tips เป็นแหล่งรวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงวิธีการ หรือเคล็ดลับในการใช้งานด้านต่างๆ

OPPO A7 รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Music และสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac ได้ โดยผู้ใช้สามารถสามารถปรับรูปแบบอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย (ระบบเสียง Dirac จะต้องใช้งานร่วมกับหูฟังเท่านั้น)

OPPO A7 รองรับฟังก์ชันเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่าง App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง Private Safe ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน นอกจากนี้ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อต้องกรอกรหัสผ่าน และการป้องกันการบันทึกหน้าจอที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญ

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง OPPO A7 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 35 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 9 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

OPPO A7 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 1.8 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 506, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย User Interface แบบ ColorOS 5.2

OPPO A7 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 76,554 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 790 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 3,945 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 445 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 394 คะแนน

OPPO A7 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน OPPO A7 คือ Game Space ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ ขณะเล่นเกม และสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องกดออกจากเกม รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้

และใน Game Space ก็มี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติอย่าง PUBG Mobile, ROV และ Asphalt 9 ก็พบว่า OPPO A7 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แต่ก็มีอาการหน่วง และการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง

OPPO A7 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ IPS LCD Water Drop Screen ขนาด 6.2 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 (พื้นที่การแสดงผล 88.4%) ความละเอียดระดับ HD+ จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ HD 720p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

OPPO A7 มาพร้อมกล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera)ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) และเทคโนโลยี AI Beauty โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบง่าย สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ซึ่งตั้งค่าสัดส่วนการถ่ายภาพได้ 3 รูปแบบ

สำหรับการถ่ายภาพในโหมดหน้าสวย สามารถปรับค่าผิวสวยได้ถึง 6 ระดับ

และมีฟีลเตอร์แบบต่างๆ ให้เลือกใช้งาน โดยจะให้อารมณ์ของภาพแตกต่างกันออกไป

OPPO A7 รองรับการถ่ายภาพในโหมด Portrait แบบหน้าชัดหลังเบลอ พร้อม AR Sticker ที่ช่วยเพิ่มความน่ารักให้กับภาพ

รวมถึงการถ่ายภาพในมุมกว้างแบบพาโนรามา

การถ่ายวิดีโอบน OPPO A7 สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดในโหมดปกติได้ที่ระดับ Full HD 1080p พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Beauty สำหรับปรับค่าผิวสวยได้ทั้งหมด 6 ระดับ โดยบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p

รวมถึงการบันทึกวิดีโอพร้อมฟีลเตอร์แบบต่างๆ

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้ามีความคมชัด 16 ล้านพิกเซล โดยมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที ทั้งการ เปิด-ปิด แฟลช, โหมด HDR, Depth Effect สำหรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, การจับเวลาถ่ายภาพ และตั้งค่าสัดส่วนการถ่ายภาพ

รองรับเทคโนโลยี AI Beauty 2.1 สำหรับปรับค่าผิวสวยด้วย AI แบบอัตโนมัติ หรือเลือกเองได้ถึง 6 ระดับ

และรองรับการถ่ายภาพพร้อมฟีลเตอร์แบบต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Stickers สติกเกอร์แบบต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กันการถ่ายเซลฟี่

รวมถึงการถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้าง

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้ารองรับเทคโนโลยี AI Beauty สำหรับปรับค่าผิวสวยได้ทั้งหมด 6 ระดับ และสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติ และในโหมดปกติ สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ Full HD 1080p

รวมถึงการถ่ายวิดีโอพร้อมฟีลเตอร์แบบต่างๆ

และการถ่ายวิดีโอฟังก์ชัน Time-Lapse

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ของ OPPO A7

ภาพถ่ายในโหมดปกติ

ภาพถ่ายในโหมด Portrait

ภาพถ่ายในโหมดปกติเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ OPPO A7

ภาพถ่ายในโหมดปกติ

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Beauty ที่ระดับ 3

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Beauty ที่ระดับ 6

ภาพถ่ายในโหมด AR Sticker

ภาพถ่ายในโหมด Portrait

ภาพถ่ายในโหมด Portrait พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายในโหมดปกติ

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน HDR

สรุปผลการทดสอบของ OPPO A7

จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นพอจะสรุปได้ว่า OPPO A7 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจ เริ่มจาก หน้าจอขนาดใหญ่ 6.2 นิ้ว บนดีไซน์ไร้ขอบแบบ Waterdrop Screen ในอัตราส่วนการแสดงผล 19:9 โดยมีสัดส่วนจอแสดงผลกับตัวเครื่องอยู่ที่ 88.4% จึงให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ พร้อมความคมชัดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล : 271 ppi) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D ที่ด้านหลังมีความเงางามด้วย เทคโนโลยีการเคลือบผิวสัมผัสคล้ายกระจกแบบ 3D (Glossy Design) กับลวดลายเส้นตรงในแนวตั้ง แบบใหม่ที่สวยพรีเมียมมากขึ้น

สำหรับภายในก็จัดมาให้อย่างครบครัน ด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 จับคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาดมาตรฐานที่ 4GB พร้อมความจุตัวเครื่อง 64GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุด 256GB โดยสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้เพียงพอในการใช้งานพื้นฐาน รวมถึงรองรับ ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ที่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งรันอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย ColorOS 5.2 ที่รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant ที่ผู้ใช้สามารถสั่งงานภายในตัวเครื่อง รวมถึงค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการผ่านคำสั่งเสียง

หนึ่งในจุดเด่นของ OPPO A7 คือ แบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4230 mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องตลอดวัน เรียกได้ว่ารับชมภาพยนตร์ หรือซีรีส์เรื่องโปรด และเล่นเกมที่ชอบได้ยาวนานต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องชาร์จบ่อยๆ อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี AI Battery ที่ช่วยจัดการพลังงานภายในตัวเครื่อง พร้อมกับแอปพลิเคชันที่ค้าง และไฟล์ขยะต่างๆ อีกด้วย

ฟังก์ชันสำหรับเกมเมอร์อย่าง Game Space ก็มีรองรับบน OPPO A7 ด้วยเช่นกัน โดยฟังก์ชันนี้จะช่วยให้ชาวเกมเมอร์เล่นเกมได้อย่างราบลื่น และไม่ถูกรบกวน ซึ่งผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ ขณะเล่นเกม และตอบแชทได้โดยไม่ต้องกดออกจากเกม รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้ และใน Game Space ก็มี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา จึงสามารถเล่นเกมทั่วไปบน Play Store ได้เป็นอย่างดี รวมถึงเกมที่เน้นกราฟิกได้ในระดับที่น่าพอใจ

ด้านการถ่ายภาพ OPPO A7 มาพร้อมกับกล้องตัวหลักที่ด้านหลังแบบคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล โดยรองรับเทคโนโลยี AI Beauty ที่สามารถปรับค่าผิวสวยได้ถึง 6 ระดับ พร้อมกับโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) และ AR Sticker ลูกเล่นที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการถ่ายภาพ ส่วน กล้องหน้าคมชัดที่ระดับ 16 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Beauty 2.1 สำหรับเรียนรู้ลักษณะเฉพาะของใบหน้าผู้ใช้งาน เพื่อนำมาปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงาม โดยวิเคราะห์ลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานทั้งหมด 296 จุด และ ฟังก์ชัน Depth Effect สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึง ฟังก์ชัน HDR สำหรับถ่ายภาพย้อนแสง หรือมีแสงจ้า และลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Sticker ซึ่ง OPPO A7 รองรับการถ่ายภาพในสัดส่วนแบบ Full Screen ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอ ร์ Facial Unlock สำหรับปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้าอีกด้วย โดยจะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง เรียกได้ว่า OPPO A7 มีระบบรักษาความปลอดภัยถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว

นอกจากคุณสมบัติเด่นในข้างต้น OPPO A7 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น Clone Apps ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook และ Line ได้ 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน และ App Split-Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน พร้อมทั้งฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสำหรับท่านที่เปลี่ยนมาใช้งาน OPPO A7ด้วยฟังก์ชัน Clone Phone ที่สามารถทำการโอนถ่ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมได้ทันที นอกจากนี้ยังรองรับ ระบบเสียง Dirac ที่ผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย แต่จำเป็นต้องเชื่อมต่อหูฟังก่อน

รวมถึงการสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ดแบบ Dual 4G , ฟังก์ชัน Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด และแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบสีขาวที่หน้าจอ พร้อม Full Screen Multitasking สำหรับเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ เช่น การเล่นเกม หรือการชมวิดีโอต่างๆ และ Screen-Off Gestures การวาดนิ้วในลักษณะต่างๆ ขณะหน้าจอดับอยู่ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด รวมถึงการบันทึกภาพหน้าจอแบบยาว

ฟังก์ชันด้านความเป็นส่วนตัว OPPO A7 ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ได้แก่ App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง และ Private Safe ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน รวมถึงก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อต้องกรอกรหัสผ่าน และการป้องกันการบันทึกหน้าจอที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญ

สำหรับ OPPO A7 เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 6,990 บาท กับตัวเลือก 2 สีอย่าง Glaring Gold และ Glaze Blue ซึ่งวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านใดที่สนใจ ก็สามารถแวะเวียนเข้าไปทดลองใช้งานเบื้องต้น ได้ที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO A7 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ OPPO A7

- ตัวเครื่องเงางามด้วยเทคโนโลยีการเคลือบผิวสัมผัสคล้ายกระจกแบบ 3D (Glossy Design) และลวดลายเส้นตรงในแนวตั้ง - ตัวเครื่องขนาด 155.9x75.4x8.1 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 168 กรัม - หน้าจอแสดงผล IPS LCD Waterdrop Screen ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล) และอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 19:9 โดยมีสัดส่วนจอแสดงผลกับตัวเครื่องที่ 88.4% - ชิปเซ็ตประมวลผล (Processor) Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 ความเร็ว 1.8 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 506 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 64GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty 2.1,โหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait), โหมด HDR และ AR Sticker - กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสง f/2.2 + f/2.4 โดยรองรับการถ่ายภาพในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait), โหมดหน้าสวยที่ปรับได้ 6 ระดับ และ AR Sticker - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) - ฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า (Facial Unlock) - ฟังก์ชัน App Lock และ Private Safe เพื่อความเป็นส่วนตัว - ฟังก์ชัน Full Screen Multitasking สำหรับเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ เช่น การเล่นเกม หรือการชมวิดีโอต่างๆ - ระบบเสียง Dirac - แบตเตอรี่ความจุ 4230 mAh พร้อมเทคโนโลยี AI Battery ที่ช่วยจัดการพลังงานภายในตัวเครื่อง พร้อมกับแอปพลิเคชันที่ค้าง และไฟล์ขยะต่างๆ - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 5.2 - ฟีเจอร์ Game Space ที่สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอขณะเล่นเกมได้ - ฟังก์ชัน Clone App สำหรับใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook ได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS - รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/n/g/n และ Bluetooth 4.2 - รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) - รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE - ราคา 6,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับคุณสมบัติ หรือความสามารถโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO A7

- หน้าจอแสดงผลมีความละเอียดเพียงแค่ระดับ HD+ - ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวแบบกระจกที่มีความมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย และเสี่ยงต่อการตกแตกได้ง่าย - ตัวเครื่องไม่รองรับการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น - ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน - หน้าจอ Waterdrop Screen ในอัตราส่วน 19:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้ - ด้วยความที่หน้าจอมีขอบบาง อาจทำให้อุ้งมือของผู้ใช้ไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ

โปรดทราบ * โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

Leave a Comment