รีวิว Vivo V17 Pro สมาร์ทโฟนกล้องหน้าคู่ Pop-up รุ่นแรกของโลก พร้อมกล้องหลัง 4 ตัว และสเปกแรงจัดเต็ม ในงบหมื่นต้นๆ :: Thaimobilecenter.com

สมาร์ทโฟนกล้องหน้าคู่ Pop-up รุ่นแรกของโลก พร้อมกล้องหลัง 4 ตัว และสเปกแรงจัดเต็ม ในงบหมื่นต้นๆ ด้วยกล้องหน้า Dual Pop-Up 32MP ผสานกล้องหลัง Quad Camera 48MP, จอ Super AMOLED Ultra FullView ไร้รอยบาก 6.44 นิ้ว กับสแกนนิ้วบนหน้าจอ, ชิปเซ็ต Snapdragon 675, RAM 8GB+ROM 128GB และแบตเตอรี่ชาร์จเร็ว 4100 mAh บนตัวเครื่องดีไซน์กระจกโปร่งใสพรีเมียมเรียบหรู ในราคา 12,999 บาท

27 กันยายน 2019 - ปัจจุบันสมาร์ทโฟนระดับกลางเริ่มแข่งขันกันด้วยคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพกันอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น ทำให้สมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นที่มีกล้องหลัง 3 ตัว หรือ 4 ตัว ความละเอียดเกิน 40 ล้านพิกเซลขึ้นไปไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ซึ่งผลดีก็ตกอยู่กับผู้ใช้อย่างเราที่มีตัวเลือกดีๆ เพิ่มมากขึ้น และล่าสุดแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Vivo เอง ก็ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มาแข่งขันในกลุ่มนี้ด้วยเหมือนกัน นั่นคือ Vivo V17 Pro ซึ่งมากับชุดกล้องที่ทรงพลังทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รวมถึง 6 ตัว เลยทีเดียว

Vivo V17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางในราคาหมื่นต้นๆ ( 12,999 บาท ) ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การถ่ายรูป บนดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามพรีเมียมตามสไตล์ของ Vivo โดยมากับ กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ประกบด้วยกล้องเลนส์ Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , กล้องเลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้านับว่าโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นในระดับราคาเดียวกัน เนื่องจากเป็น กล้องคู่ (Dual Camera) แบบ Pop-Up รุ่นแรกของโลก ซึ่งมีความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล โดยเพิ่มกล้องเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เข้ามาด้วย ทำให้ถ่ายรูปมุมกว่างได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ชอบถ่ายรูปทั่วไป และผู้ที่ชอบถ่ายเซลฟี่ได้อย่างครบถ้วนในเครื่องเดียว

นอกจากการถ่ายรูป คุณสมบัติในด้านอื่นๆ ของ Vivo V17 Pro ก็นับว่าไม่น้อยหน้าคู่แข่ง โดยมากับหน้าจอแสดงผล Super AMOLED Ultra FullView แบบไร้รอยบากขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) ซึ่ง ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Optical เอาไว้ พร้อมประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 AIE ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับกลางที่มีประสิทธิภาพดี พร้อมหน่วยความจำ RAM 8GB กับ ROM 128GB และแบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charge 18W ผ่านพอร์ต USB Type-C นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และมีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรให้ใช้งานด้วย

ด้วยคุณสมบัติข้างต้น จัดว่า Vivo V17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายภาพรุ่นใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจเป็นพิเศษอีกรุ่นหนึ่งในช่วงนี้ และน่าจะแข่งขันกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในระดับราคาเดียวกันได้ไม่ยาก แต่ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ฟีเจอร์จะจัดเต็มขนาดไหน ไปติดตามกันต่อใน รีวิว Vivo V17 Pro โดยทีมงาน Thaimobilecenter ได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo V17 Pro มีหน้าจอแสดงผลประเภท Super AMOLED แบบ Ultra FullView Display อัตราส่วน 20:9 กว้าง 6.44 นิ้ว รองรับความละเอียดสูงสุด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+) พื้นที่แสดงผลครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของตัวเครื่องด้านหน้า ไม่มีรอยบาก

ตัวเครื่องด้านหลังมีการไล่เฉดสีอ่อนๆ เล่นแสงเป็นสีเหลืองอมชมพู กล้องดิจิทัลทั้ง 4 ตัวติดตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลาง โดยจัดเรียงในแนวตั้ง พร้อมไฟแฟลช LED ส่วนฐานกล้องนูนขึ้นมาเล็กน้อย โดยเครื่องที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็น สีฟ้า-ขาว Crystal White

กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ประกอบด้วย :

กล้องตัวหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8

กล้องเลนส์ Super Wide-Angle มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2

กล้องเลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร รูรับแสง f/2.4

กล้อง Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

กล้องดิจิทัลด้านหน้าเป็นแบบ Pop-Up ที่จะเลื่อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้า และมีระบบเซฟตี้ที่จะเลื่อนเก็บเองเมื่อเครื่องตกจากที่สูง บนโมดูลประกอบด้วยลำโพง และกล้อง 2 ตัว ได้แก่กล้องหลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (f/2.0) พร้อมกล้องเสริมเลนส์ Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.2) และไฟแฟลชแบบ Moonlight Glow ระหว่างกล้องทั้งสองตัว

เมื่อกล้องหน้าเลื่อนขึ้นมา จะเห็นข้อความ 32MP DUAL POP-UP SELFIE สลักไว้ที่ด้านหลังโมดูลด้วย

Vivo V17 Pro มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ โดยมีไอคอนแสดงตำแหน่งการสแกนปรากฏขึ้นเมื่อเปิดหน้าจอ ซึ่งผู้ใช้สามารถเปลี่ยนรูปแบบไอคอน และเอฟเฟกต์การสแกนนิ้วได้

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม Smart Assistant สำหรับเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi หรือ Google Assistant ส่วนด้านขวามีปุ่ม Power (ปุ่มสั้น) และปุ่มปรับระดับเสียง (ปุ่มยาว)

ด้านบนมีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิมเมตร, กล้องหน้า Pop-Up และไมโคณโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างมีถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และช่องลำโพงเสียงภายนอก

ถาดใส่ซิมของ Vivo V17 Pro เป็นแบบ Dual Slot ซึ่งติดตั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM ได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด แต่ไม่รองรับการ์ด microSD

สำหรับอุปกรณ์เสริมภายในกล่อง ประกอบด้วย สายเคเบิล USB Type-C, เคสพลาสติกแข็งสีขาว, เข็มดันถาดซิมการ์ด, หูฟัง และอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ Dual-Engine Fast Charging 18W

ตัวเครื่อง Vivo V17 Pro เมื่อสวมเคสที่แถมมาให้

ด้านบนและด้านล่างของตัวเคสมีการเว้นช่องว่างสำหรับกล้องหน้า และโมดูลต่างๆ พร้อมทั้งฝาปิดพอร์ต USB Type-C ป้องกันสิ่งสกปรกด้วย

เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์

หากปัดนิ้วจากขอบล่างหน้าจอขึ้นมา จะเป็นการเปิด ศูนย์ทางลัด ซึ่งรวมทางลัดของแอปพลิเคชันที่เพิ่งเปิดล่าสุด และการตั้งค่าที่ใช้บ่อยๆ เอาไว้ เช่น การปรับระดับเสียง, ปรับความสว่างของหจ้าจอ, เปิด-ปิด WiFi, ใช้ไฟฉาย เป็นต้น

เมื่อปัดนิ้วบนหน้าจอหลักไปทางซ้าย จะแสดง รายการแอปพลิเคชัน ทั้งหมด ที่ติดตั้งไว้ในตัวเครื่อง หากจำนวนแอปแสดงจนเต็มหน้า ก็จะเพิ่มหน้าใหม่โดยอัตโนมัติไปเรื่อยๆ

หากปัดจอไปทางขวา หรือกดปุ่มข้างตัวเครื่องด้านซ้าย จะเป็นการเปิดหน้าต่าง ผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi ซึ่งจะรวมข้อมูล และการแจ้งเตือนสำคัญๆ เอาไว้ เช่น การเตือนการดื่มน้ำ, การพยากรณ์อากาศ, สิ่งที่ต้องทำ, ทางลัดการเข้าถึงแอปพลิเคชัน และการนับก้าว เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงข้อมูลของอะไรบ้างในเมนู การ จัดการการ์ด

ฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจของ Jovi คือการแสดงตารางแข่งฟุตบอล หรือบาสเก็ตบอลในลีกต่างๆ พร้อมทั้งอัปเดตผลการแข่งขันแบบสดๆ ให้ชมกันอีกด้วย

สำหรับภาพวอลเปเปอร์, ธีม และแบบอักษร (fonts) สามารถเลือกดาวน์โหลดได้ผ่านแอปพลิเคชัน i Theme ซึ่งเป็นร้านค้าธีมของ Vivo เอง ภายในร้านมีคอนเทนต์ให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ มีทั้งที่ฟรี และต้องเสียเงินซื้อ สามารถเลือกดาวน์โหลดกันได้ตามใจชอบ

นอกจากการปรับแต่งหน้าจอแล้ว ยังมีตัวเลือกการตั้งค่าในส่วนอื่นๆ อีก เช่น การเปลี่ยนรูปแบบของ Navigation Bar ซึ่งเปลี่ยนได้ทั้งลักษณะของปุ่ม และลำดับ อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบของ Navigation Bar เป็นแบบลากนิ้วแทนการกดปุ่มได้

เมื่อใช้สมาร์ทโฟนเวลากลางคืน หรือในสภาพแวดล้อมที่มืด แสงจ้าจากหน้าจออาจทำให้ปวดตาได้ ในกรณีนี้เราสามารถเปิดใช้งาน โหมดมืด เพื่อเปลี่ยนโทนสีของอินเทอร์เฟซให้มืดลงได้ ช่วยให้ใช้งานได้สบายตายิ่งขึ้น และมองเห็นตัวหนังสือได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากต้องการใช้งานเป็นประจำ ก็สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดโหมดมืดโดยอัตโนมัติได้

นอกจากโหมดมืดแล้ว ยังมีฟังก์ชัน ถนอมสายตา ที่จะ ช่วยตัดแสงสีฟ้าจากหน้าจอ และทำให้หน้าจอมีโทนสีที่อุ่นขึ้น ช่วยลดอาการล้าของดวงตาได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเราสามารถเปิดใช้งานด้วยตัวเอง หรือตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน

สำหรับเครื่องมือพื้นฐานต่างๆ ในเครื่อง จะรวมกันไว้ในโฟลเดอร์ เครื่อง มือ ซึ่งได้แก่เครื่องคิดเลข, บันทึกเสียง, เข็มทิศ และข้อเสนอแนะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปิดใช้งานบัตรประกันอิเล็กทรอนิคส์ แต่ไม่มีวิทยุมาให้เหมือนรุ่นก่อนๆ

ส่วนบริการต่างๆ ของ Google ก็มีติดตั้งมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Gmail, YouTube, Maps, Google Photos ไปจนถึง Assistant และ Chrome พร้อมให้ใช้งานได้ทันที

นอกจาก Play Store แล้ว Vivo V17 Pro ยังมี V-Appstore ติดตั้งมาในเครื่องด้วย ซึ่งแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ในนี้จะเป็นแอปพลิเคชันที่มีอยู่แล้วใน Play Store แต่จะมีการคัดแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยม และน่าสนใจมานำเสนออีกทีหนึ่ง ช่วยให้เราพบแอปพลิเคชันถูกใจได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องค้นหาด้วยตนเอง

สำหรับฟังก์ชันสำคัญอย่างการโทรนั้น ก็มีหน้าอินเตอร์เฟซที่สะอาด และเรียบง่าย ตัวเลขมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ยังมองเห็นได้ชัดเจน และไม่เป็นอุปสรรคต่อการกด

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจคือ โหมดมอเตอร์ไซค์ เมื่อเข้าสู่โหมดนี้ Vivo V17 Pro จะปฏิเสธสายโทรเข้าทั้งหมด และตอบกลับด้วย SMS โดยอัตโนมัติ หรือเลือกรับสายเฉพาะบางเบอร์ พร้อมทั้งปิดการแจ้งเตือน ช่วยให้เรามีสมาธิในการขับขี่อย่างเต็มที่ และช่วยให้การเดินทางของเราปลอดภัยยิ่งขึ้น

เมนู การสแกนไวรัส จะเป็นการสแกนไฟล์ในเครื่องทั้งหมดเพื่อหามัลแวร์ หรือไฟล์อันตรายต่างๆ และจะลบทิ้งโดยอัตโนมัติหากตรวจพบ การสแกนใช้เวลาไม่นานมาก แนะนำว่าควรจะสแกนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

การตรวจสอบข้อมูล เป็นเมนูสำหรับจัดการปริมาณการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งเครือข่ายมือถือ และ WiFiโดยเราสามารถจำกัดแอปพลิเคชันบางตัวไม่ให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายมือถือ หรือ WiFi ได้ และสามารถเปิดใช้ โหมดประหยัดข้อมูล เพื่อ ปิดกั้นไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานเครือข่ายในพื้นหลัง อีกทั้งยังแสดงสถิติปริมาณข้อมูลที่ใช้งานในแต่ละวันได้ด้วย

ใน ตัวจัดการแอป เป็นเมนูสำหรับอัปเดตแอปในเครื่อง, ถอนการติดตั้ง และปรับเปลี่ยนสิทธิการเข้าถึงของแอปในเครื่อง

ความปลอดภัยในการชำระเงิน เป็นฟังก์ชันตรวจสอบระบบของตัวเครื่องว่ามีความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมการเงิน ผ่านแอปหรือไม่ ซึ่งช่วยป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง

สำหรับเมนู ป้องกันการรบกวน เป็นตัวเลือกการบล็อกเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือเบอร์ที่เราไม่ต้องการรับ รวมไปถึงเบอร์ลึกลับที่ไม่ปรากฏหมายเลข

การเข้ารหัสแอป เป็นฟังก์ชันการซ่อนแอปพลิเคชันบนหน้าจอ พร้อมทั้งปกป้องแอปด้วยรหัสผ่าน เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ได้อีกระดับ โดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันภายนอกมาใช้

อีกฟีเจอร์หนึ่งของ Vivo V17 Pro คือ Easy Share ที่ช่วยให้เราส่งไฟล์ในเครื่องไปยังสมาร์ทโฟน Vivo เครื่องอื่นได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย วิธีใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงเลือกไฟล์ที่จะส่ง และกด Send จะปรากฏ QR Code ขึ้นมา จากนั้นให้ผู้รับเปิดแอปพลิเคชัน Easy Share กดปุ่ม Receive และสแกน QR Code บนสมาร์ทโฟนของผู้ส่ง ก็เริ่มส่งไฟล์กันได้ทันที

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องแบ่งสมาร์ทโฟนให้ บุตรหลานเล่นบ่อยๆ ได้แก่ฟีเจอร์ โหมดสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นโหมดที่ผู้ปกครองสามารถจำกัดการใช้งานแอปพลิเคชัน และจำกัดเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนของเด็กได้

ในส่วนของการตั้งค่าในโหมดนี้ ผู้ปกครองสามารถจำกัดปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต, ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่ลดถึงจุดที่กำหนด, จำกัดเวลาการใช้งานในแต่ละครั้ง และเปลี่อนวอลเปเปอร์ได้

ในส่วนของตัวเลือกด้านความปลอดภัย มีตัวเลือกการตั้งรหัสผ่าน, PIN หรือรูปแบบการลากแพทเทิร์น เพื่อใช้ปลดล็อกหน้าจอเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป และสามารถ ลงทะเบียนลายนิ้วมือ เพื่อใช้ปลดล็อกหน้าจอ หรือใช้ยืนยันตัวตนแทนรหัสผ่านในแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ โดยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Vivo V17 Pro จะฝังอยู่ใต้หน้าจอ และมีสัญลักษณ์แสดงตำแหน่งปรากฏให้เห็นชัดเจน เพียงใช้นิ้วกดลงไปที่ตำแหน่งดังกล่าวเซ็นเซอร์ก็จะสแกนทันที และปลดล็อคได้รวดเร็วพอๆ กับเซ็นเซอร์บนตัวเครื่องทั่วไป

นอกจากนี้ เรายังสามารถเปลี่ยนภาพเอฟเฟกต์ของการสแกนนิ้ว และรูปแบบไอคอนได้ด้วย เป็นฟีเจอร์เล็กๆ ที่ช่วยให้ระบบสแกนนิ้วใต้หน้าจอน่าสนใจยิ่งขึ้น

ในส่วนของการท่องอินเทอร์เน็ต Vivo V17 Pro มีเบราว์เซอร์พื้นฐานคือ Vivo Browser ซึ่งมีการออกแบบหน้าอินเทอร์เฟซแบบเฉพาะตัว แต่ก็ใช้งานไม่ยาก และมีการแสดงผลหน้าเว็บไซต์ถูกต้องครบถ้วน และทำงานได้รวดเร็วไม่แพ้เบราว์เซอร์ยอดนิยมอื่นๆ

ในเมนูการตั้งค่า มีตัวเลือกให้ปรับแต่งหลายอย่าง ฟังก์ชันที่น่าสนใจคือ โหมดกลางคืน ที่จะทำให้หน้าต่างของเบราว์เซอร์เปลี่ยนเป็นโทนสีมืด ช่วยให้อ่านบทความบนเว็บไซต์ได้สบายตายิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในที่แสงน้อย

และยังมีโหมดที่จะไม่แสดงรูปภาพ ที่ช่วยประหยัดข้อมูลอินเทอร์เน็ตได้อีกทางหนึ่ง

และยังเปลี่ยนวอลเปเปอร์ของเบราว์เซอร์ได้อีกด้วย

หากต้องการดูรูปที่ถ่ายไว้ สามารถเข้าไปดูได้ที่ อัลบั้ม ซึ่งจะมีการแบ่งเป็นหมวดหมู่เอาไว้ตามวันที่ถ่าย หรือแบ่งตามอัลบั้มที่เราสร้างไว้

นอกจากการเลือกดูภาพแล้ว เรายังสามารถแต่งรูปได้ด้วย ซึ่งมีตัวเลือกให้ใช้หลากหลาย และหากภาพนั้นๆ ถ่ายด้วยเอฟเฟกต์โบเก้ จะมีตัวเลือกให้ แก้ไขระดับความเบลอ และเปลี่ยนตำแหน่งโฟกัส ได้ ด้วย

ปรับองศาความเอียงของรูป และตัดรูปตามสัดส่วนที่มีให้เลือกหลากหลายทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน

สามารถเพิ่มเอฟเฟกต์โมเสค และใส่ฟิลเตอร์เมคอัพเพิ่มความโดดเด่นของตัวแบบได้

อีกทั้งยังปรับแต่งความสว่าง, ความเข้ม, ความคมชัด, สีสัน และคุณสมบัติอื่นๆ พร้อมดูรายละเอียดของรูปถ่ายได้อีกด้วย

สำหรับการฟังเพลง Vivo V17 Pro มีแอปพลิเคชันพื้นฐานติดตั้งมาให้อยู่แล้ว ซึ่งก็คือ i Music มีดีไซน์สะอาดตา และเข้าใจได้ไม่ยาก ที่แผงควบคุมด้านล่างมีทางลัดการตั้งค่าสำหรับเรียกดู Playlist,  เล่นเพลงแบบวนซ้ำ (ซ้ำเพลงเดียว / ซ้ำทั้งอัลบั้ม / สุ่มลำดับเพลง) และตัวเลือกการตั้งค่าเพิ่มเติมอื่นๆ

สำหรับแอปพลิเคชันการเล่นวิดีโอของ Vivo V17 Pro มีปุ่มควบคุมการทำงานพื้นฐานครบถ้วน สามารถเล่นวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD ได้อย่างราบรื่น

เมื่อกดที่ไอคอนสามจุดบริเวณมุมขวาบน จะมีเมนูการปรับความสว่าง, การปรับสัดส่วนหน้าจอ, ตั้งค่าซับไตเติ้ล และจับภาพสกรีนช็อตปรากฎขึ้น

หากวิดีโอที่กำลังเล่นมีสัดส่วนของภาพไม่พอดีกับหน้าจอ สามารถขยายให้เต็มจอได้ โดยเลือกได้ 3 แบบ ได้แก่ พอดีหน้าจอ, ตัด และยืด

แบบพอดีหน้าจอ จะเป็นการขยายภาพให้เต็มจอที่สุดโดยที่ยังคงรักษาอัตราส่วนของภาพเอาไว้ ซึ่งอาจจะเหลือขอบสีดำอยู่บางส่วน

แบบตัด ภาพจะขยายจนไม่เหลือขอบสีดำอยู่เลย แต่บางส่วนของภาพจะล้นออกไปจากจอ

แบบยืด จะเป็นการยืดภาพออกมาถมขอบสีดำทั้งหมด โดยที่ภาพจะไม่ล้นออกไป แต่สัดส่วนของภาพจะผิดไปจากเดิม

และยังสามารถแสดงวิดีโอเป็นหน้าต่าง Pop-up เหนือแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้ด้วย

Vivo V17 Pro รองรับ การใช้งาน 2 แอปพลิเคชันพร้อมกันในหน้าจอเดียว โดยใช้ได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน เราสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ด้วยการกดปุ่ม Recent Apps จากนั้น กดที่รูปสี่เหลี่ยมคู่ มุมซ้ายบนของแอป แอปนั้นๆ จะถูกเปิดขึ้นมาแบบครึ่งจอทันที จากนั้นให้เราเลือกเปิดแอปที่ต้องการในหน้าจอข้างล่าง เพียงเท่านี้ก็เปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันได้แล้ว

ในส่วนของการเล่นเกม Vivo V17 Pro มีฟีเจอร์เสริมสำหรับเล่นเกม Game Center ซึ่งช่วยเร่งประสิทธิภาพการประมวลผล และปิดกั้นการแจ้งเตือน ต่างๆ ไม่ให้มาขัดจังหวะการเล่น ในโหมดนี้จะแสดงเกมที่ติดตั้งไว้เป็นการ์ด โดยจะเรียงลำดับจากเกมที่เล่นล่าสุด มุมซ้ายบนมีมาตรแสดงอัตราการทำงานของหน่วยประมวลผล CPU และ GPU รวมไปถึงอุณหภูมิของตัวเครื่องด้วย

เมื่อกดที่ ข้อมูลเกม บริเวณมุมขวาบนของจอ จะแสดงระยะเวลาการเล่นเกมในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ว่าเราเล่นเกมอะไรนานเท่าไร พร้อมทั้งปริมาณข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่ใช้ไประหว่างเล่นเกมด้วย

เมื่อเปิดเกมขึ้นมา Game Center จะหยุดการทำงานของแอปพลิเคชันพื้นหลัง และเร่งความเร็วในการประมวลผลของ CPU และ GPU ขึ้นพร้อมทั้งแสดงตัวเลือกการปิดกั้นแจ้งเตือน, การโทร และอื่นๆ ให้เราเลือกบล็อก หรืออนุญาตได้ตามต้องการ

ขณะเล่นเกม สามารถปัดขอบจอด้ายซ้ายไปทางขวาเพื่อเปิดเมนูทางลัดการตั้งค่าได้ ไม่ต้องออกจากเกม หรือสลับหน้าจอไปตั้งค่า Game Center ใหม่แต่อย่างใด ซึ่งการตั้งค่าแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้ :

การโทรในเบื้องหลัง : เมื่อเปิดใช้จะสามารถรับสายได้ โดยสายที่รับจะอยู่ในเบื้องหลัง และจะเปิดลำโพงอัตโนมัติ

การบล็อกการแจ้งเตือน : เมื่อเปิดใช้จะปิดกั้นการแจ้งเตือนทุกรูปแบบขณะเล่นเกม

สายที่ปฏิเสธ : เปิดโหมด AFK ( A way F rom K eyboard) โดยเกมจะยังเล่นต่อไปตามปกติ แต่จะปิดหน้าจอเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับเกมที่ต้องปล่อยบอทฟาร์มของหรือเก็บเลเวล

โหมด E-sport : จะเปิดใช้งานได้กับบางเกมเท่านั้น เช่น PUBG Mobile และ RoV เมื่อเปิดใช้งานโปรแกรมเบื้องหลังทั้งหมดจะหยุดทำงานโดยสมบูรณ์ พร้อมเร่งการทำงานของ CPU เพื่อรักษาเฟรมเรทของเกม โดย CPU จะทำงานเต็มที่แม้จะเกิดความร้อนสูง และจะลดขนาดการแจ้งเตือนให้เล็กลงเพื่อป้องกันการกดพลาด

การเล่นอัตโนมัติ : เมื่อเปิดใช้งานหน้าจอจะดับลงพร้อมกับล็อกการสัมผัสหน้าจอ โดยที่ตัวเกมจะยังคงเล่นอยู่ตามปกติ เหมาะสำหรับการปล่อยบอทเก็บเลเวล หรือฟาร์มไอเทม

นอกจาก Game Center แล้ว ในหน้าการตั้งค่ายังมี โหมดอัลตราเกม ซึ่ง เปรียบเสมือนเป็นการตั้งค่าขั้นสูงของ Game Center โดยจะมีตัวเลือกการบล็อกแจ้งเตือน และสายโทรเข้า รวมถึงฟีเจอร์ปลีกย่อยอื่นๆ ให้เราตั้งค่าแยกสำหรับแต่ละเกมได้

ในการรีวิวครั้งนี้ ทางทีมงานได้เลือกเกมมาทดสอบ 4 เกมด้วยกัน ได้แก่ PUBG Mobile, RoV, Chess Rush และ Asphalt 9 พบ ว่า Vivo V17 Pro สามารถรับมือกับเกมทั้ง 4 เกมได้ดีตามที่สมาร์ทโฟนระดับกลางควรจะเป็น โดยเกม PUBG Mobile สามารถเปิดกราฟิก HD และเปิดเฟรมเรตสูงได้โดยที่ภาพยังลื่นเป็นปกติ ส่วนเกม RoV สามารถเปิดโหมดเฟรมเรตสูง และภาพ HD ได้ โดยมีค่า FPS อยู่ที่ 50-60 ตลอดทั้งเกม ส่วนเกม Chess Rush ก็สามารถเปิดกราฟิกสูงสุด และเฟรมเรตสูงสุดได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่สำหรับเกมที่ต้องการพลังการประมวลผลกราฟิกค่อนข้างมาก อย่าง Asphalt 9 ที่ปรับระดับกราฟิกสูงสุด เฟรมเรตจะตกลงอย่างชัดเจนขณะเล่น ส่วนการทัชไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยรวมถือ ว่า Vivo V17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถเล่นเกมทั่วๆ ไปได้ แต่อาจจะไม่สามารถปรับกราฟิกจนสุดได้สำหรับบางเกม

Vivo V17 Pro วัดค่า benchmark จากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ได้ 176545 คะแนน และจากแอปพลิเคชัน Geekbench 5 ได้ 506 คะแนนสำหรับการประมวลผลแกนเดี่ยว (Single-Core) และ 1619 คะแนนสำหรับการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core)

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 1091 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 1169 คะแนน

Vivo V17 Pro ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 675 AIE (SM6150) แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0 GHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 612 , หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128 GB

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo V17 Pro นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor ส่วนหน้าจอแสดงผลรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

ระบบ GPS สามารถจับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้ดี โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นว่าจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 38 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 4 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสภาพอากาศด้วย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ และช่วงเวลา

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

กล้องตัวหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8

กล้องเลนส์ Super Wide-Angle มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2

กล้องเลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร รูรับแสง f/2.4

กล้อง Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

ในส่วนของกล้องหน้าเป็น กล้องคู่ (Dual Camera) ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และกล้องเลนส์ Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ทำให้ถ่ายเซลฟี่มุมกว้างเพื่อเก็บบรรยากาศโดยรอบ หรือถ่ายเซลฟี่เป็นกลุ่มได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ โดยมีระบบตรวจจับเพศของตัวแบบ พร้อมกับปรับแต่งภาพให้เหมาะสมกับเพศโดยอัตโนมัติ และยังมีโหมดกลางคืนให้ถ่ายเซลฟี่ในที่มืดอีกด้วย

ในส่วนของการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า มีเอฟเฟกต์บิวตี้ให้ใช้ โดยจะแสดงผลบนตัวแบบให้เห็นทันที อีกทั้งยังมี แฟลช Moonlight Glow อีกด้วย สามารถเลือกบันทึกวิดีโอได้ 3 ระดับความละเอียด ได้แก่ 480p, 720p (HD), และ 1080p (FHD)

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48+8+2+2 ล้านพิกเซล

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดบิวตี้ระดับ 50 (ปานกลาง)

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดบิวตี้ระดับ 100 (สูงสุด)

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล เวลากลางวัน

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล เวลากลางวัน เปิดบิวตี้ระดับ 50 (ปานกลาง)

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล เวลากลางวัน เปิดบิวตี้ระดับ 100 (สูงสุด)

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้าง เวลากลางวัน

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้าง เวลากลางวัน เปิดบิวตี้ระดับ 50 (ปานกลาง)

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้าง เวลากลางวัน เปิดบิวตี้ระดับ 100 (สูงสุด)

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดอัตโนมัติ ไม่เปิดบิวตี้ เปิดเอฟเฟกต์แสงไฟสตูดิโอแบบแสงธรรมชาติ

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดภาพบุคคล ไม่เปิดบิวตี้ เปิดเอฟเฟกต์แสงไฟสตูดิโอแบบไฟสตูดิโอ

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดภาพบุคคล ไม่เปิดบิวตี้ เปิดเอฟเฟกต์แสงไฟสตูดิโอแบบไฟสเตอริโอ

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดภาพบุคคล ไม่เปิดบิวตี้ เปิดเอฟเฟกต์แสงไฟสตูดิโอแบบไฟลูปไลท์

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดภาพบุคคล ไม่เปิดบิวตี้ เปิดเอฟเฟกต์แสงไฟสตูดิโอแบบแสงรุ้ง

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดภาพบุคคล ไม่เปิดบิวตี้ เปิดเอฟเฟกต์แสงไฟสตูดิโอแบบพื้นหลังขาวดำ

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดอัตโนมัติ

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมด Super Macro

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลาเช้า

ถ่ายภายในอาคารด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลาเช้า

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลาเช้า

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลาเช้า

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้าง เวลาเช้า

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน

ถ่ายด้วยโหมด Super Macro เวลากลางวัน

ถ่ายด้วยโหมด Super Macro เวลากลางวัน

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เวลากลางคืน

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน เวลากลางคืน จะเห็นว่าความสว่างใกล้เคียงกับรูปที่ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติมาก แต่เก็ยรายละเอียดคมชัดกว่า

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน มุมมองกว้าง เวลากลางคืน

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน มุมมองกว้าง เวลากลางคืน

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน มุมมองกว้าง เวลากลางคืน

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน เวลากลางคืน สภาพแสงมืดมาก

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน เวลากลางคืน สภาพแสงมืดมาก

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง เปิดบิวตี้ระดับ 50 (ปานกลาง)

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง เปิดบิวตี้ระดับ 100 (สูงสุด)

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล มุมมองกว้าง

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล มุมมองกว้าง เปิดบิวตี้ระดับ 50 (ปานกลาง)

ถ่ายด้วยโหมดภาพบุคคล มุมมองกว้าง เปิดบิวตี้ระดับ 100 (สูงสุด)

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้าง เปิดบิวตี้ระดับ

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้าง เปิดบิวตี้ระดับ 50 (ปานกลาง)

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้าง เปิดบิวตี้ระดับ 100 (สูงสุด)

สรุปผลการทดสอบของ Vivo V17 Pro

หลังจากที่ได้ใช้งานมาในระยะเวลาหนึ่ง ก็สามารถบอกได้ว่า Vivo V17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถหลากหลายในตัว โดยเฉพาะด้านการถ่ายรูปที่มีลูกเล่นมากมายทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง

กล้องหน้าของ Vivo V17 Pro เป็น กล้อง คู่แบบ Pop-Up ซึ่งมีกล้องถึง 2 ตัว และนับเป็น รุ่นแรกของโลก ได้แก่กล้องหลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และกล้องรองเลนส์ Super-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดดเด่นกว่ากล้อง Pop-Up ของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่มักจะมีกล้องเพียงตัวเดียว ทำให้กล้องหน้าของ Vivo V17 Pro รองรับการถ่ายเซลฟี่มุมกว้าง ซึ่งมีประโยชน์ในการถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม และยังมีไฟแฟลชแบบ Moonlight Glow ติดมาให้ด้วย ในขณะที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะมองข้ามแฟลชกล้องหน้าไป

อีกด้านหนึ่ง กล้องหลังของ Vivo V17 Pro นั้นก็นับว่าไม่แพ้สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ โดยมากับ กล้อง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องเลนส์ Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , กล้องเลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล จึงสามารถรองรับการถ่ายภาพในทุกรูปแบบทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น โหมดการถ่ายภาพกลางคืน จากเทคโนโลยี Quad Bayer ของกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล, มุมมองกว้างพิเศษ จากเลนส์ Super Wide-Angle, ถ่ายภาพระยะใกล้สูงสุด 4 เซนติเมตร ด้วยเลนส์ Super Macro หรือ เอฟเฟกต์โบเก้ จากกล้อง Depth Sensor เป็นต้น อีกทั้งยังมีระบบวิเคราะห์ภาพด้วย AI และ เอฟเฟกต์บิวตี้ ที่ปรับได้อย่างละเอียดยิบ ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า, โครงหน้า ไปจนถึงรูปร่างของตัวแบบ ส่วนคุณภาพของรูปถ่ายก็ถือว่าน่าประทับใจ โดยมีสีสันตรงกับต้นแบบ และเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดี แต่ก็ยังมีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังต้องปรับปรุง ได้แก่ การวัดแสงที่ไม่ตรงบ้างในบางครั้ง , การเพิ่มความสว่างให้ภาพมากเกินไปในโหมดอัตโนมัติเมื่อถ่ายในที่มืด และ เมนูเปิดโหมดการถ่ายมุมกว้าง ที่ต้องกดถึง 2 ครั้งจึงจะเปิดใช้งานได้ ในภาพรวมแล้ว ถือว่า Vivo V17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ถ่ายรูปได้ดีในเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มมือถือระดับกลาง ณ ชั่วโมงนี้

ด้านการใช้งานทั่วไป Vivo V17 Pro ทำได้ดีไม่แพ้สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นอื่นๆ ด้วยงานประกอบ และวัสดุที่ดี ทำให้มีความทนทานในระดับหนึ่ง มีการติดฟิล์มกันรอยมาให้จากโรงงานทั้งด้านหน้า และด้านหลัง และแถมเคสพลาสติกแข็งสีขาวมาให้ในกล่องด้วย เรียกว่าเปิดกล่องก็พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมใดๆ เพิ่มเติม ตัวเครื่องรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบในชีวิตประจำวัน ด้วยหน้าจอ Super AMOLED Ultra FullView ไร้รอยบาก ขนาด 6.44 นิ้ว ที่เหมาะกับการชมภาพยนตร์ และเล่นเกม พร้อมด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 AIE , หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8 GB , หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128 GB พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,100 mAh ที่มีระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging (18W) จึงสามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งหากไม่ได้เล่นเกมติดกันหลายชั่วโมง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องชาร์จระหว่างวันเลย แต่ผู้ที่ชอบเก็บวิดีโอ, รูปถ่าย หรือเพลงไว้ในเครื่องเยอะๆ อาจจะขัดใจเล็กน้อย เพราะตัวเครื่อง ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริม microSD หรือแบบอื่นๆ

สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการเล่นเกม Vivo V17 Pro ก็ยังคงตอบโจทย์ได้ดีตามที่สมาร์ทโฟนระดับกลางควรจะเป็น โดยสามารถเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile และ RoV พร้อมกับเปิดโหมดเฟรมเรตสูง และกราฟิกระดับสูงได้ โดยที่เฟรมเรตยังนิ่งอยู่ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์เสริมอย่าง Game Center และ Ultra Game Mode ที่ช่วยบล็อกการแจ้งเตือน พร้อมกับเร่งประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องขณะเล่นเกมได้ แต่สำหรับเกมที่ต้องการกราฟิกสูงมากๆ อาจจะมีอาการเฟรมเรตตกให้เห็น ซึ่งสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมให้ต่ำลง โดยรวมถือว่าเป็นมือถือระดับกลางที่เล่นเกมได้ดีอีกรุ่นหนึ่ง และไม่ทำให้เกมเมอร์ผิดหวังอย่างแน่นอน

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้ Vivo V17 Pro จึงถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีความโดดเด่นด้านการถ่ายรูปทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง สามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกประเภท และตอบโจทย์การเล่นเกมได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้ครบเครื่อง และถ่ายรูปได้ดี ในราคาหมื่นต้นๆ ครับ

ล่าสุดวันนี้ ( 27 กันยายน 2019 ) Vivo V17 Pro ก็ได้เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยมาแล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ 12,999 บาท พร้อมเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ในวันนี้แล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งสั่งจองได้จน ถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2019 โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า-ขาว Crystal White และ สีดำ Knight Black พร้อมรับเครื่องวันที่ 5 ตุลาคม 2019 และรับฟรีกระเป๋าสีดำเงาพรีเมียมมูลค่า 1,099 บาท ท่านใดที่สนใจก็สามารถแวะไปจับจองกันได้ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

นอกจากนี้ทาง Vivo ยังเตรียมเปิดตัว V17 Pro อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 30 กันยายนนี้ พร้อมดึงศิลปินระดับแม่เหล็กแห่งเอเชีย แบมแบม และ มาร์ค จากวง GOT7 มาเป็นพรีเซนเตอร์แบบแพ็กคู่อีกด้วย

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo V17 Pro มาให้ทางทีมงานได้รีวิวกันในโอกาสนี้ รวมทั้งร้านชาบูสไตล์ไต้หวัน HANJI (ทองหล่อ 23) ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการเก็บรูปสวยๆ ด้วยครับ

จุดเด่นของ Vivo V17 Pro

กล้องตัวหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8

กล้องเลนส์ Super Wide-Angle มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2

กล้องเลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร รูรับแสง f/2.4

กล้อง Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

มีระบบวิเคราะห์ภาพถ่ายด้วย AI, รองรับมุมมองกว้างพิเศษ (Super Wide) , เอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง , โหมด Super Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร พร้อมโหมดโปร หรือโหมดการถ่ายภาพกลางคืน

- เอฟเฟกต์ไฟสตูดิโอสำหรับการถ่ายภาพ Portrait ใช้ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ - ฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า - มีโหมดสำหรับเด็กที่ผู้ปกครองสามารถจำกัดการใช้งานแอปพลิเคชัน และเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนได้ - แบตเตอรี่ความจุ 4,100 mAh พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง Dual-Engine Fast Charging (9V 2A) - ฟีเจอร์ Game Center และ Ultra Game Mode ที่สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ พร้อมกับเร่งประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องขณะเล่นเกมได้ - รองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม GPS, GLONASS และ Beidou - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G/4G+, 3G, EDGE และ GPRS - รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4G+5G และ Bluetooth 5.0 - รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nano-SIM) - รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE - ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร - ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า-ขาว Crystal White และ สีดำ Knight Black - ราคา 12,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo V17 Pro

- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่นๆ - ตัวเครื่องค่อนข้างหนา (9.8 มิลลิเมตร) และค่อนข้างหนัก (201.8 กรัม) ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากกลไกของกล้องหน้าคู่ Pop-up ที่ใส่เข้ามา - ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น - หน้าจออัตราส่วน 20:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้ - ซอฟต์แวร์ของกล้องมีการเพิ่มแสงให้กับรูปถ่ายค่อนข้างมากในโหมดอัตโนมัติ ทำให้โหมดกลางคืนลดความโดดเด่นลงไป

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเครื่องทดสอบจากศูนย์บริการ คุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองเพื่อความมั่นใจครับ *

Leave a Comment