รีวิว Vivo Y12 สมาร์ทโฟน 3 กล้อง AI พร้อมจอใหญ่ แบตอึด และสเปกจัดเต็มสดใหม่ ในราคาไม่ถึง 5 พันบาท :: Thaimobilecenter.com

สมาร์ทโฟน 3 กล้อง AI พร้อมจอใหญ่ แบตอึด และสเปกจัดเต็มสดใหม่ ในราคาไม่ถึง 5 พันบาท ด้วยจอ Halo FullView ใหญ่ 6.35 นิ้ว, กล้อง AI Triple Camera กว้าง 120 องศา ผสานกล้องหน้า AI Face Beauty, แบตเตอรี่จุใจ 5000 mAh, ชิปเซ็ต Helio P22, ROM 32GB+RAM 3GB และระบบสแกนนิ้ว+สแกนใบหน้า บนตัวเครื่องเงางามไล่เฉด ในราคาสุดคุ้มเพียง 4,999 บาท

19 กรกฎาคม 2019 - หลังจากการเปิดตัว พร้อมวางจำหน่าย Vivo Y17 ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดทาง Vivo ประเทศไทยก็ได้ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นน้องจากตระกูลเดียวกันอย่าง Vivo Y12 เข้ามาทำตลาดในบ้านเราเพิ่มเติม กับ จุดเด่นอย่างแบตเตอรี่ไซส์ใหญ่ และกล้องหลัง 3 ตัวแบบ AI Triple Camera

Vivo Y12 ถอดแบบการดีไซน์ระดับพรีเมียมแบบ Mirror Finish มาจากรุ่นพี่ ด้วยตัวเครื่องเงางามคล้ายกระจก พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบ 2 สีใหม่อย่าง Aqua Blue และ Burgundy Red โดยมีหน้าจอไร้ขอบทรงหยดน้ำแบบ IPS LCD Halo FullView Display ขนาดใหญ่ 6.35 นิ้ว กับความคมชัดระดับ HD+ (720x1544 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 19.3:9

สเปกตัวเครื่องของ Vivo Y12 ก็จัดมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek (MT6762) Helio P22 ที่มีความเร็ว 2.0 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ IMG PowerVR GE8320 และ มีหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB รวมถึงหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB ที่เพิ่ม microSD ได้อีก 256GB ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 9 ที่สำคัญ Vivo Y12 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000 mAh พร้อมระบบ AI ที่ช่วยจัดการพลังงานให้สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องตลอดวัน

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo Y12 มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่ให้มาแบบจัดเต็ม, จอแสดงผลขนาดใหญ่ กล้องที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพทุกรูปแบบ พร้อมฟีเจอร์ครบทุกการใช้งาน โดยเฉพาะกล้องหลังอัจฉริยะ 3 ตัว บนดีไซน์สวยพรีเมียม กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่เพียง 4,999 บาท ส่วน การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านไปรับชม รีวิว Vivo Y12 พร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo Y12 มาในแพ็กเกจสีขาวสะอาดตา

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด, คู่มือการใช้งาน และเคสใส

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายใน แพ็กเกจ

Vivo Y12 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.35 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (720x1544 พิกเซล : 268 ppi : สัดส่วนพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 89%) ในอัตราส่วน 19.3:9 ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D บนตัวเครื่องมีขนาด 159.43x76.77x8.92 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 190.5 กรัม

ที่ด้านบนประกอบไปด้วยกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/1.8 และรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อมลำโพงสนทนาที่ด้านบน และติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

พร้อมกับรองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ Face Access ในการปลดล็อกตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วทันใจ

ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ (Back)

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย

ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ

ที่ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงเสียงภายนอก, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ microUSB ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องสำหรับเชื่อมต่อหู ฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม เปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

Vivo Y12 มีตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบได้ โดยตัวเครื่องที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันเป็นสี Aqua Blue

กล้องหลังของ Vivo Y12 มีทั้งหมด 3 ตัว (AI Triple Camera) แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2, กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2 สามารถเก็บภาพได้มุมกว้างสุด 120 องศา และกล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างที่ F/2.4 สำหรับการเบลอฉากหลัง ถัดลงมาที่ตรงกลางด้านล่างจะเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) เพื่อปลดล็อกตัวเครื่อง

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Vivo Y12 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 9 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G)

มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB และหน่วยความแรม (RAM) ขนาด 3GB

เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อลากจากขอบด้านล่างของหน้าจอจะพบกับ Shortcut Center ที่มีปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของ คีย์ลัดเองได้ด้วย

เมื่อปัดไปทางขวาจากหน้าโฮม จะเจอกับหน้า Card พื้นที่การแสดงข้อมูลต่างๆ และคอยแนะนำฟีเจอร์ อย่างเช่น สภาพอากาศปัจจุบัน, จำนวนก้าว หรืออีเวนท์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และยังสามารถจัดการแอปพลิเคชันที่แสดงภายในหน้า Card ได้ ด้วยการกดที่ Card Management ที่ด้านล่าง

รวมทั้ง Shortcuts ทางลัดเข้าถึงแอปพลิเคชัน และเครื่องมือต่างๆ เช่น Speed up สำหรับเข้าสู่แอปพลิเคชัน Google, การเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำ RAM, เครื่องคิดเลข หรือบันทึกเสียง เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง และจัดตำแหน่งของการ์ดได้ด้วยตนเอง จากการกดเครื่องหมาย + ที่ด้านบน

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget และเอฟดฟ็กต์ในการเลื่อนหน้าจอที่ต้องการได้

สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลังได้

และยังสามารถเปลี่ยนธีมของตัวเครื่องได้ผ่านแอ ปพลิเคชัน i Theme

รวมถึง Font ตัวอัปษรรูปแบบต่างๆ และการตั้งค่าอื่นๆ บนหน้าจอ

แอปพลิเคชัน i Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Calculator, Recorder, Compass, Feedback และ FM Radio

Vivo Y12 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ, โหมด Eye Protection และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่เลือกระดับได้ตามที่ต้องการ

และด้วยดีไซน์ของ Vivo Y12 ที่เป็นแบบ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 19.3:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Lockscreen ให้เปลี่ยนเองแบบอัตโนมัติได้

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน รวมถึงปรับเฉดสีแทบ Navigation ได้ตามใจชอบ

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้

พร้อมกับเลือกสไตล์ของ Navigation Gestures ได้ 2 รูปแบบ หรือไม่แสดงปุ่มใดๆ

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo Y12 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Facial Access) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น

สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ มาให้ใช้งานบน Vivo Y12 ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย โหมด Smart Wake, Smart turn on/off screen และ Smart Callซึ่ง Smart Wake เป็นการวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน i Music สำหรับฟังเพลง

Smart turn on/off screen การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ และ Smart Call การโทรอัจฉริยะ

Vivo Y12 ยังมาพร้อมระบบผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ล่าสุดอย่าง Jovi AI Assistant ที่รองรับฟังก์ชัน Smart Camera ด้วยเทคโนโลยี Smart Face Beauty ในการปรับโครงหน้าได้ทุกส่วนตามที่ต้องการด้วยปัญญาประดิษฐ์

และ Smart Scene เพื่อให้จัดการตารางเวลาได้ง่ายขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนข่าวสารต่างๆ และการพยากรณ์อากาศ

Vivo Y12 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุมากถึง 5000 mAh  พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงาน Low Power Mode ที่เมื่อเปิดใช้งานแถบแบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

ตัวอย่างการใช้งานในโหมดประหยัดพลังงานแบบ Low Power Mode และ Super Power-Saving Mode บน Vivo Y12 ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน

ฟังก์ชัน Do Not Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน

Vivo Y12 มาพร้อมฟังก์ชันเอาใจสายโซเชียลอย่าง App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

สำหรับบริการ vivoCloud ก็มีให้ใช้งานบน Vivo Y12 เช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เช่น ข้อความ SMS, รายชื่อผู้ติดต่อ และบุ๊คมาร์คของเว็บเบราวเซอร์ ไปยังระบบคลาวอินเทอร์เน็ตของ Vivo ได้

Vivo ได้ทำการรวบรวมแอปพลิเคชันเด่นมาให้ได้ดาวน์โหลดบน Vivo Y12 กันผ่านทาง Vivo App Store

ฟังก์ชัน Smart Split สำหรับแบ่งหน้าจอการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน โดยเน้นไปที่แอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Message โดยสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่

Vivo Y12 มีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Screen-Split ที่รองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน

สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง หรือลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน

และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย

ตัวอย่างการบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาว

Vivo Y12 รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน i Music พร้อมเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น

สามารถปรับค่า Equalizer และเลือกใช้หูฟังต่างๆ ของ Vivo ได้

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้ หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบแยกอัลบั้ม กับแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งาน ได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น

ที่สำคัญ Vivo Y12 ยังรองรับฟังก์ชันเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่าง Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo Y12 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 38 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 4 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

Vivo Y12 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek (MT6762) Helio P22 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) IMG PowerVR GE8320, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9

Vivo Y12 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 78,816 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 841 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 3,665 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้ 463 คะแนน

Vivo Y12 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Vivo Y12 คือ ฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight และ PUBG Mobile ก็พบว่า Vivo Y12 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้ค่อนข้างดี แต่ก็มีอาการหน่วง หรือกระตุก และการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง

Vivo Y12 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Halo FullView Display ความละเอียดระดับ  HD+ และมีอัตราส่วนแบบ 19.3:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ HD 720p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ

Vivo Y12 มาพร้อมกับระบบกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียด 13 + 8 + 2 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Super Wide-Angle และเลนส์ Depth โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน โดยสามารถเลือก เปิด-ปิด ไฟแฟลช, โหมด HDR และ Live Photo ได้ รวมถึงเมนูที่ด้านล่างอย่าง การตั้งเวลาถ่ายภาพ, Filter, Portrait Bokeh, โหมดมุมกว้าง AI Super Wide-Angle และสัดส่วนภาพถ่ายแบบ Full Screen

ตัวอย่างการถ่ายในมุมมองปกติ และมุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle

การถ่ายภาพในโหมด Portrait Bokeh สามารถปรับค่าความเบลอได้ระหว่าง F0.95 - F16

และสามารถปรับเลือกจุดโฟกัสใหม่ รวมถึงค่าความเบลอในภายหลังได้ด้วย

รวมถึงโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับได้ถึง 6 ระดับ และปรับค่า Skin Tone ได้

และรองรับการถ่ายภาพในโหมด PANO รวมถึง DOC

สำหรับการถ่ายโหมด Pro บน Vivo Y12 มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

การถ่ายวิดีโอบน Vivo Y12 รองรับการบันทึกในมุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle โดยสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

โดยสามารถตั้งเวลาในการบันทึก และรองรับฟังก์ชัน SLO-MO และ Time-Lapse

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้ามาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น เปิด-ปิด ไฟแฟลชหน้าจอ, โหมด HDR, โหมด Portrait และ Live Photo รวมถึงสามารถปรับค่าอื่นๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า

ใส่ฟีลเตอร์แบบต่างๆ

รวมถึงการจับเวลาถ่ายภาพ และถ่ายเซลฟี่ในสัดส่วน Full Screen

กล้องหน้าของ Vivo Y12 มาพร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty ที่สามารถเลือกปรับแต่งความสวยแบบอัตโนมัติ (AI) หรือเลือกได้เองถึง 6 ระดับ พร้อมกับปรับค่า Skin Tone ได้ด้วย

ฟังก์ชันสำหรับถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างก็มีให้ใช้ งานบน Vivo Y12 ด้วยเช่นกัน

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo Y12 ก็สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ความละเอียดระดับ 13+8+2 ล้านพิกเซล ของ Vivo Y12

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ระดับ 3

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ระดับสูงสุดที่ 6

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ระดับ 3 พร้อมปรับค่า Skin Tone ที่ระดับ 0%

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ระดับ 3 พร้อมปรับค่า Skin Tone ที่ระดับ 50%

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ระดับ 3 พร้อมปรับค่า Skin Tone ที่ระดับ 100%

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F0.95

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F8.0

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F0.95

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F5.6

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F0.95

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ระดับ F8.0

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน

ภาพถ่ายในเวลากลางคืนมุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน

ภาพถ่ายในเวลากลางคืนมุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ Vivo Y12

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ที่ระดับ 3

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ที่ระดับ6

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty แบบอัตโนมัติ (AI) พร้อมปรับค่า Skin Tone ที่ระดับ 0%

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty แบบอัตโนมัติ (AI) พร้อมปรับค่า Skin Tone ที่ระดับ 50%

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty แบบอัตโนมัติ (AI) พร้อมปรับค่า Skin Tone ที่ระดับ 100%

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบย้อนแสง (ปิดฟังก์ชัน HDR)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบย้อนแสง (เปิดฟังก์ชัน HDR)

สรุปผลการทดสอบของ Vivo Y12

จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นก็พอจะกล่าวได้ว่า Vivo Y12 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กราคาคุ้มค่าอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจ ตั้งแต่จุดเด่นอย่างแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมกับระบบ AI สำหรับช่วยจัดการพลังงาน ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องตลอดวัน ซึ่งสามารถเล่นเกม และดูหนังได้ยาวนานโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็ว

อีกทั้งยังให้มุมมองที่กว้างเป็นพิเศษด้วยหน้าจอ ไร้ขอบทรงหยดน้ำแบบ IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.35 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.3:9 พร้อมความคมชัดที่ระดับ HD+ (720x1544 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D และตัวเครื่องมีดีไซน์เงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish กับการไล่เฉดสีเล่นกับแสงในมุมตกกระทบ ที่ช่วยเสริมให้ตัวเครื่องมีความพรีเมียมมากขึ้น

Vivo Y12 ติดตั้งกล้องหลังถึง 3 ตัว (AI Triple Camera) เรียกได้ว่าค่อนข้างหาได้ยากในสมาร์ทโฟนราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่สามารถเก็บภาพได้กว้างถึง 120 องศา และกล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับเบลอฉากหลัง โดยรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) ที่สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ F0.95 - F16 พร้อมโหมด Beauty สำหรับ ปรับค่าผิวเนียนที่เลือกได้ถึง 6 ระดับ

ทางด้าน กล้องหน้าคมชัดระดับ 8 ล้านพิกเซล โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Face Beauty ที่ช่วยปรับค่าผิวเนียนของใบหน้าให้แลดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น แบบอัตโนมัติผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือเลือกปรับค่าความสวยได้เองถึง 6 ระดับ และรองรับโหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) รวมถึงรองรับฟังก์ชันการสแกนใบหน้า (Face Access) เพื่อปลดล็อกตัวเครื่อง ที่ทำงานควบคู่กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วทันใจ

Vivo Y12 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie เวอร์ชันล่าสุดแบบแกะกล่อง ที่ครอบทับด้วย User Interface แบบ Funtouch OS 9 ที่รองรับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Jovi AI Assistant โดยขับเลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek (MT6762) Helio P22 ที่มีความเร็ว 2.0 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ IMG PowerVR GE8320 ที่ทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB และมีหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) ขนาด 32GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB จึงสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐาน รวมถึงหมดปัญหาการเลือกใช้งานในช่องซิมการ์ดที่ 2 เนื่องจาก Vivo Y12 มาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ที่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน

และ Vivo Y12 ยังรองรับฟีเจอร์ Ultra Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง ที่ช่วยในการโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าให้อยู่ในรูปแบบ Pop-up เท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนานั่นเอง

นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก ในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G), App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ อย่างเช่น เช่น Facebook หรือ Line ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน และฟังก์ชัน Screen-Split ในการ ใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน รวมถึงสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้

และ Vivo Y12 ก็ให้ความสนใจในด้านความปลอดภัย ด้วยฟังก์ชันที่ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวอย่าง Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน อีกด้วย

และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า Vivo Y12 เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีฟีเจอร์ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในราคาสบายกระเป๋า พร้อมใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และมีหน้าจอขนาดใหญ่ให้มุมมองกว้างเต็มตาเป็นพิเศษ ที่เน้นไปทางบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือชมภาพยนตร์/ซีรีส์เรื่องโปรด และชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน

สำหรับ Vivo Y12 เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 4,999 บาท กับตัวเลือก 2 สีได้แก่ Aqua Blue และ Burgundy Red ท่านใดที่สนใจ ก็สามารถสั่งซื้อ และแวะเวียนเข้าไปทดลองใช้งานเบื้องต้นได้แล้ววันนี้ที่ Vivo Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo Y12 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ Vivo Y12

- ตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish พร้อมสีไล่เฉด (Gradient) ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงในมุมต่างๆ โดยมีทั้งหมด 2 สีให้เลือก ได้แก่ Aqua Blue และ Burgundy Red - หน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.35 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.3:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 89% ความละเอียดระดับ HD+ (720x1544 พิกเซล) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek MT6762 Helio P22 ความเร็ว 2.0 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ IMG PowerVR GE8320 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 32GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ 256GB - ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) และ microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 9 - กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วยกล้องตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2ส่วนกล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle 120 องศาความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2 และกล้องตัวที่สามเลนส์Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างที่ F/2.4สำหรับเบลอฉากหลัง ซึ่งรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh)ที่สามารถปรับค่ารูรัยแสงได้ระหว่าง F/0.95 - F/16 - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.8 โดยรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ และการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Bokeh) - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง - ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) - ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant - ฟังก์ชัน Ultra Game Mode - ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร - แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย, Beidou ของประเทศจีน และ Galileo ของสหภาพยุโรป - ราคา 4,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo Y12

- หน้าจอแสดงผลมีความละเอียดเพียงแค่ระดับ HD+ - ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวแบบกระจกที่มีความมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย และเสี่ยงต่อการตกแตกได้ง่าย - ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน - หน้าจอ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 19.3:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้ - ตัวเครื่องค่อนข้างหนา และมีน้ำหนักพอสมควร - ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว - ยังใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB - ไม่มีหูฟังแถมมาให้พร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

Leave a Comment