รีวิว Huawei P40 Pro ที่สุดของเรือธงเพื่อการถ่ายภาพ พร้อมรองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่อง และฟีเจอร์แรงล้ำไฮเอนด์จัดเต็ม :: Thaimobilecenter.com

ที่สุดของเรือธงเพื่อการถ่ายภาพ พร้อมรองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่อง และฟีเจอร์แรงล้ำไฮเอนด์จัดเต็ม ด้วยกล้อง Ultra Vision Leica Quad Camera 50MP ผสานกล้องหน้าคู่ 32MP, ชิปเซ็ต Kirin 990 5G, จอ OLED Quad-Curve Overflow 90Hz, แบตเตอรี่ 40W SuperCharge 4200 mAh และระบบ AI อัจฉริยะ บนบอดี้กันน้ำ IP68 สุดพรีเมียมที่ไม่กลัวร้อน

20 พฤษภาคม 2020 - HUAWEI P-Series ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพมาโดยตลอด ซึ่งเราจะเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงในรุ่น HUAWEI P9 ที่มาพร้อมกับระบบกล้องหลังคู่ที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์ผู้ผลิตกล้องระดับโลกอย่าง LEICA ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง Huawei ก็ได้เปิดตัว HUAWEI P-Series รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2020 นั่นก็คือ HUAWEI P40 Series อย่างเป็นทางการ และมีการนำสมาร์ทโฟนรุ่นไฮไลท์อย่าง HUAWEI P40 Pro 5G เข้ามาวางจำหน่ายเพื่อให้ผู้ใช้ในประเทศไทยได้มีโอกาสจับจองเป็นเจ้าของอีกด้วย

การกลับมาของ HUAWEI P40 Pro 5G ก็ถือว่าไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะมีการอัปเกรดคุณสมบัติภายในใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลดีไซน์ใหม่ในชื่อ Quad-Curve Overflow Display หรือหน้าจอขอบโค้งทั้งสี่ด้านเป็นรุ่นแรกของ Huawei ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขอบโค้งของน้ำที่อยู่ปริ่มขอบแก้ว ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลมากขึ้น และยังจับถือได้อย่างถนัดมือ พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ที่ช่วยให้การแสดงผลเป็นไปอย่างลื่นไหล ผสานกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ In-Screen Fingerprint Sensor , ชิปเซ็ตประมวลผลตัวท็อปใหม่ล่าสุดของค่ายอย่าง Kirin 990 5G ที่มีการฝังชิปโมเด็มสำหรับเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G มาให้ภายในตัว สามารถใช้งานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ในประเทศไทยได้ตั้งแต่แกะกล่อง รวมถึงระบบชาร์จไวแบบ 40W HUAWEI SuperCharge หรือ 27W Wireless HUAWEI SuperCharge

ด้านการถ่ายภาพมาพร้อมกับกล้องที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์ LEICA เช่นเดิม แต่ยกเครื่องใหม่ยกชุด โดยมาพร้อมกับกล้องหลังจำนวน 4 ตัว ความละเอียดสูงสุดมากถึง 50 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีเบื้องหลังสำหรับช่วยถ่ายภาพอย่าง XD Fusion Image Engine ที่จะเข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่ายให้มีความสวนงามขึ้นไปอีกขั้น รวมไปถึงกล้องเลนส์ซูม SuperSensing Telephoto ที่ปรับไปใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ RYYB เหมือนกับกล้องตัวหลักของ Huawei รุ่นก่อน ส่งผลให้การถ่ายภาพด้วยกล้องเลนส์ซูมจะมีความคมชัดมากกว่าเดิม กับกล้อง Ultra Wide Cine Camera ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายวิดีโอได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนกล้องหน้าอัปเกรดมาใช้ระบบกล้องคู่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อม IR Depth Camera ที่จะเข้ามาช่วยตรวจจับท่าทางการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน เพื่อช่วยให้ควบคุมสมาร์ทโฟนโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอได้เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง HUAWEI Mate30 Pro รวมทั้งยังใช้สำหรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าที่มีความปลอดภัยในระดับสูง

สำหรับ HUAWEI P40 Pro 5G เปิดราคาจำหน่ายในบ้านเราเอาไว้ที่ 31,99 0 บาท โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามรับชมผ่านบทความรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter พร้อมกันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีขาวพร้อมประทับชื่อรุ่นด้วยสีทอง และมีการประทับโลโกของ AppGallery เอาไว้ที่ด้านล่างของกล่อง ซึ่งเป็นการสื่อให้เห็นว่า HUAWEI P40 Pro 5G จะรองรับบริการ HMS (HUAWEI Mobile Services) ตั้งแต่แกะกล่อง และไม่ได้มาพร้อมกับ GMS (Google Mobile Services)

อุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องประกอบไปด้วย เคสใส, อแดปแเตอร์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่, หูฟังแบบ Earbuds, สาย USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล และงานร่วมกับอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด

สำหรับอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ของ HUAWEI P40 Pro 5G รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ HUAWEI SuperCharge ซึ่งมีกำลังการจ่ายไฟสูงสุดที่ 10V/4A หรือ 40W

เคสใสที่แถมมาให้ภายในกล่องผลิตภัณฑ์จะมีความ นูนออกจากตัวเครื่องเพื่อปกป้องเลนส์กล้องหลังทั้ง 4 ตัว

มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับ HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Flex OLED ขนาดใหญ่ 6.58 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ บนดีไซน์แบบ Quad-Curve Overflow Display ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผลขอบโค้งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามของสายน้ำที่ไหลผ่าน มีจุดเด่นด้านขอบทั้งสี่ด้านที่บางเฉียบ พร้อมรองรับการแสดงผลตามมาตรฐานแบบ DCI-P3 HDR รวมทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Refresh Rate ระดับ 90Hz ช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหลมากกว่าหน้าจอแบบ 60Hz ที่ใช้บนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป

ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลติดตั้งชุดกล้องหน้า คู่ Dual In-Display Camera แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 และกล้อง IR Depth / Gesture Camera สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงตรวจจับการเคลื่อนไหวของท่าทางผู้ใช้งาน นอกจากนี้ บริเวณชุดกล้องหน้าคู่ยังติดตั้งเซ็นเซอร์สำคัญอย่าง Ambient Light สำหรับปรับแสงของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายนอก และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับดับหน้าจอแสดงผลแบบอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลไม่มีปุ่มควบคุุมใดๆ เนื่องจาก Huawei ได้ปรับไปใช้ระบบการควบคุมแบบ Gesture หรือการลากนิ้วจากขอบจอเพื่อสั่งการ นอกจากนี้ พื้นที่ด้านล่างหน้าจอยังเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถวางนิ้วเพื่อปลดล็อกได้อย่างสะดวก

ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และ Infrared สำหรับใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันประเภทรีโมท

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องติดตั้งปุ่มปรับระดับ เสียง และปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอแสดงผล หรือเปิด-ปิด เครื่อง

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องไม่มีปุ่มควบคุมใดๆ

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual nanoSIM Slot, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงเดี่ยว

ด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมกับบอดี้กระจกขอบโค้ง ที่จับถือได้อย่างกระชับมือ พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 โดยด้านในตัวเครื่องสวยๆ แบบนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4200mAh บนน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 209 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นน้ำหนักตัวเครื่องที่บางกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงบางรุ่นที่ให้ความจุ แบตเตอรี่มาน้อยกว่า

ที่ด้านบนติดตั้งชุดกล้องหลัง 4 ตัว แบ่งออกเป็น

- กล้อง Ultra Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 - กล้อง Ultra Vision Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9 เซ็นเซอร์รับภาพแบบ RYYB พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS - กล้อง SuperSensing Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/3.4 เซ็นเซอร์รับภาพแบบ RYYB รองรับการซูมภาพแบบ Optical Zoom ระดับ 5 เท่า - กล้อง 3D Depth Sensing สำหรับตรวจจับข้อมูลชัดตื้น

พร้อม Colour Temperature Sensor เซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิเพื่อประมวลผลร่วมกับกล้องถ่ายภาพ

หากสังเกตจากรายชื่อกล้องทั้งหมดจะเห็นได้ว่า กล้องเลนส์ซูม Telephoto ของ HUAWEI P40 Pro 5G มีการอัปเกรดไปใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ RYYB ซึ่งก็คือเซ็นเซอร์รับภาพแบบเดียวกันกับที่ใช้กับกล้องตัวหลักบน HUAWEI P-Series รุ่นก่อนๆ ช่วยเก็บแสงได้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนกล้องตัวหลักของ HUAWEI P40 Pro ในครั้งนี้อัปเกรดไปใช้เซ็นเซอร์รับภาพตัวใหม่ในชื่อ Ultra Vision ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบ RYYB ที่มีขนาดของเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปบนท้องตลาด และยังสามารถรับแสงได้ดีขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์รับภาพรุ่นก่อน

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ EMUI เวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งมีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการ Android OS 10 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

สำหรับหน้าโฮมสกรีน จะแสดงรายชื่อของแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งภายในตัวเครื่อง โดยผู้ใช้สามารถแตะค้างที่แอปพลิเคชันนั้นๆ เพื่อเรียกใช้คีย์ลัดสำหรับสั่งการแบบด่วนได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดแอปพลิเคชัน เช่น ในแอปพลิเคชัน Setting สามารถแตะค้างเพื่อเปิด Hotspot ได้ทันที หรือแอปพลิเคชัน Email ที่สามารถเข้าสู่ฟังก์ชันการเขียนอีเมลได้ทันที

เมื่อลากนิ้วจากบนลงล่างจะพบกับ Toggle Switch สำหรับเข้าถึงคีย์ลัดการตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เช่น การเปิด-ปิด WiFi, การเปิด-ปิด Bluetooth หรือการเปิด-ปิด NFC เป็นต้น

เมื่อปัดไปที่ด้านซ้ายจากหน้าโฮมสกรีนจะพบกับ HUAWEI Assistant Today ซึ่งเป็นหน้ารวบรวมข่าวสารต่างๆ จากแอปพลิเคชันภายในตัวเครื่อง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบข้อมูลประจำวันได้ในหน้าเดียว โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งการแสดงของแอปพลิเคชันได้ด้วยตนเอง

สำหรับแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ภายในตัว เครื่องจะเป็นแอปพลิเคชันประเภทเครื่องมือพื้นฐาน เช่น สภาพอากาศ, เข็มทิศ หรือรีโมท

โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพิ่มเติมได้ที่ AppGallery ซึ่งในปัจจุบันเริ่มมีแอปพลิเคชันประเภท Local (แอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมในแต่ละประเทศ) ให้ใช้งานหลากหลายมากขึ้น เช่น แอปพลิเคชันข่าวสาร, แอปพลิเคชันธนาคาร, แอปพลิเคชันเกม หรือแอปพลิเคชันช็อปปิ้ง เป็นต้น

แต่จะมีบางแอปพลิเคชันที่ยังไมมีการพัฒนาลง AppGallery อย่างเช่น Facebook ซึ่งระบบจะแนะนำให้เข้าไปดาวน์โหลดที่เว็บไซต์ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันนั้นๆ หรือแนะนำให้ใช้บริการดาวน์โหลดไฟล์ APK สำหรับติดตั้งแอปพลิเคชันจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือแทน ยกตัวอย่างเช่น APKPure เป็นต้น

ส่วนแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Google Mobile Services โดยตรง จากที่ทีมงานลองทดสอบก็พบว่า บางแอปพลิเคชันสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งใช้งานได้ยกตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชัน Google Maps ที่สามารถนำทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการได้ตามปกติ และสามารถเรียกดูข้อมูลเกี่ยวกับสภาพจราจรได้ แต่จะไม่สามารถใช้งานได้แบบเต็มรูปแบบ เช่น การล็อกอินเข้าบัญชี Google ภายในแอปฯ เป็นต้น

มาดูที่ลูกเล่นการใช้งานกันบ้าง สำหรับ HUAWEI P40 Pro 5G รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด โดยในซิมที่หนึ่ง รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ส่วนซิมการ์ดที่สองรองรับการใช้งานเครือข่ายสูงสุดที่ระดับ 4G และสามารถเลือกใช้งานซิมการ์ดแบบ eSIM ได้อีกด้วย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด และต้องการเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ NM Card ในเวลาเดียวกัน

สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Always On Display สำหรับแสดงการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ ขณะที่หน้าจอดับอยู่

สามารถเข้าไปดาวน์โหลดธีม และวอลเปเปอร์ได้ที่แอปพลิเคชัน Theme

สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางแอปพลิเคชันบน หน้าโฮมสกรีนได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Standard ซึ่งเป็นการแสดงแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งภายในตัวเครื่องบนหน้าโฮมสกรีน และ Drawer สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งภายในตัวเครื่องด้วยการลากนิ้วจากล่าง ขึ้นบนจากหน้าโฮมสกรีน

สามารถปรับรูปแบบการแสดงสีสันของหน้าจอได้ทั้ง หมด 2 แบบ ได้แก่ Normal ซึ่งเป็นการแสดงสีสันแบบธรรมชาติ และ Vivid ที่เน้นสีสันไปในโทนสดใส

รองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ตัดแสงสีฟ้าอย่าง Eye Comfort เพื่อช่วยลดอาการล้าของสายตา โดยเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ หน้าจอจะถูกปรับอุณหภูมิสีให้อยู่ในโทนอุ่น

รองรับการใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Dark Mode สำหรับเปลี่ยนสีสันของ UI ให้อยู่ในทนสีดำ ตอบโจทย์การใช้งานร่วมกับหน้าจอประเภท OLED ที่ไม่มีการเปล่งแสงเมื่อแสดงสีดำ ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่าเดิม

รองรับการปรับขนาดของตัวอักษรได้ทั้งหมด 5 ระดับ และสามารถปรับระดับของขนาดการแสดงผลได้ทั้งหมด 4 ระดับ

สามารถปรับความละเอียดของหน้าจอได้ทั้งหมด 2 ระดับ ได้แก่ High โดยหน้าจอจะแสดงผลที่ความละเอียดระดับ 2640x1200 พิกเซล เพื่อความคมชัดในระดับสูงสุด) และ Low โดยหน้าจอจะแสดงผลที่ความละเอียด 1760x800 พิกเซล เพื่อประหยัดพลังงาน) ซึ่งหากใครที่ไม่ต้องการปรับเองก็สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Smart Resolution เพื่อให้ระบบทำการปรับเปลี่ยนความละเอียดของหน้าจอให้เหมาะสมต่อการใช้งานเพื่อช่วย ประหยัดพลังงานได้

สามารถปรับเปลี่ยนค่า Refresh Rate ได้ทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ Standard โดยหน้าจอจะแสดงผลที่ค่า Refresh Rate ระดับ 60Hz เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และ High โดยหน้าจอจะแสดงผลที่ค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล

สามารถซ่อนแถบกล้องหน้าเซลฟี่ได้เองผ่านการเปิด ฟีเจอร์ Hide Cutout ซึ่งระบบจะไม่แสดงสีสันในแถบด้านบน เพื่อให้ตัวกล้องแนบเนียนไปกับสีดำของหน้าจอแสดงผลด้านบน

HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับระบบยืนยันตัวตน Biometrics ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ พร้อมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนเอฟเฟกต์ขณะปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ

ส่วนระบบยืนยันตัวตนอีกหนึ่งแบบก็คือ ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า หรือ Face Recognition ซึ่งสามารถบันทึกใบหน้าผู้ใช้ได้แค่รายเดียวเท่านั้น แต่เราสามารถบันทึกใบหน้าของผู้ใช้งานขณะใส่แว่นตา หรือแต่งหน้าเพิ่มเติมได้ เพื่อช่วยให้ระบบสแกนใบหน้าทำงานได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

โดยระบบยืนยันตัวตนทั้งสองแบบ สามารถใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันที่ต้องการ รวมถึงฟีเจอร์ Safe สำหรับเก็บข้อมูลด้านไฟล์, รูปภาพ หรือวิดีโอ เอาไว้ภายในตู้เซฟเสมือน ซึ่งจะมีเพียงแค่ผู้ที่รู้รหัสผ่าน หรือผู้ที่ลงทะเบียนลายนิ้วมือ และใบหน้าเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าใช้งานได้

มาพร้อมกับฟีเจอร์ Digital Balance สำหรับตรวจสอบสถิติการใช้งานสมาร์ทโฟนในแต่ละวัน เพื่อให้ผู้ใช้บริหารจัดการการใช้สมาร์ทโฟนได้อย่างเหมาะสม

มาดูในส่วนของแบตเตอรี่กันบ้าง โดย HUAWEI P40 Pro 5G รองรับการปรับโหมดการใช้พลังงานทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Performance Mode ซึ่งเป็นการรีดประสิทธิภาพการทำงานอยู่ในระดับสูงสุด ซึ่งจะส่งผลให้ใช้พลังงานแบตเตอรี่มากขึ้นตามไปด้วย, Power Saving Mode สำหรับประหยัดการใช้พลังงาน ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องประมวลผลหนัก และ Ultra Power Saving Mode สำหรับปรับหน้าจอแสดงผลให้อยู่โทนสีดำ พร้อมลดแสงสว่างของหน้าจอให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งจำกัดการใช้งานแอปพลิเคชัน เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้อยู่ได้นานที่สุด

นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ Wireless Reverse Charging สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นได้แบบไร้สาย รวมถึงฟีเจอร์ Smart Charge สำหรับปรับรูปแบบการจ่ายกระแสไฟระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ให้เหมาะสมต่อพฤติกรรมการ ใช้งาน

ฟีเจอร์ One-Handed Mode หรือโหมดการใช้งานมือเดียวก็มีให้ใช้งานเช่นเดียวกัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้อย่างง่ายๆ เพียงลากนิ้วจากบริเวณขอบจอด้านล่างไปยังด้านบน หรือแตะค้างที่ปุ่มโฮมแบบสัมผัส และลากนิ้วไปทางด้านซ้าย หรือขวา

การใช้ข้อนิ้วแตะที่หน้าจอสองครั้งเพื่อบันทึก วิดีโอหน้าจอ, การยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาในระดับพร้อมใช้งานเพื่อปลุกหน้าจออัตโนมัติ, การแตะสองครั้งที่หน้าจอเพื่อทำการปลุกหน้าจอแสดงผล

การปิดเสียงเรียกเข้าเมื่อคว่ำหน้าจอแสดงผล, การยกสมาร์ทโฟนขึ้นเพื่อลดระดับของเสียงเรียกเข้า และการรับสายเรียกเข้าแบบอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู

รองรับการใช้งานแบบ Air Gestures หรือการควบคุมสมาร์ทโฟนโดยที่ไม่จำเป็นต้องสัมผัสหน้าจอเหมือนกับ HUAWEI Mate30 Pro โดยคำสั่งที่รองรับในตอนนี้มีด้วยกันทั้งหมด 2 คำสั่ง ได้แก่ การโบกมือขึ้น-ลง เพื่อเลื่อนหน้าจอ และการกำมือเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ

มาดูในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Kirin 990 5G Octa-Core Processor ตัวใหม่ล่าสุด ประกบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 256GB และระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 10 ครอบทับด้วย EMUI 10.1 ตั้งแต่แกะกล่อง

ลองทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเค ชัน AnTuTu (เปิด High Performance Mode) พบว่า HUAWEI P40 Pro 5G สามารถทำคะแนนทดสอบโดยรวมได้ทั้งหมด 491768 คะแนน

ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 5 พบว่า สามารถทำคะแนนแบบ Single-Core ได้ทั้งหมด 776 คะแนน และ Multi-Core ได้ทั้งหมด 3168 คะแนน

ทดสอบความเร็วของหน่วยความจำภายใน (ROM) กันสักหน่อย ซึ่งก็พบว่า HUAWEI P40 Pro 5G สามารถทำความเร็วของการอ่านเขียนได้ทั้งหมด 1453.82 MB/s ซึ่งเป็นความเร็วของหน่วยความจำประเภท UFS 3.x นั่นเองครับ

ทีมงานลองนำไปทดสอบการเล่นเกมยอดนิยมที่เปิดให้ดาวน์โหลดบน AppGallery อย่าง Asphalt 9 ซึ่งก็พบว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการสะสมความร้อนเมื่อเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

หน้า UI กล้องถ่ายภาพของ HUAWEI P40 Pro 5G จะถูกจัดวางมาค่อนข้างคล้ายกับ HUAWEI Mate30 Pro เป็นอย่างมาก โดยจัดวางคีย์ลัดสำหรับเข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ เอาไว้ที่แถบสีดำด้านบน ประกอบไปด้วย การเปิด-ปิด Master AI สำหรับปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติโดยการวิเคราะห์จากระบบปัญญา ประดิษฐ์, การเปิด-ปิด ไฟแฟลช

การเปิดใช้งานฟิลเตอร์สำหรับปรับโทนสีของภาพ ถ่ายได้ทั้งหมด 11 แบบ

ถัดมาที่ด้านขวาจะเป็นการสลับเลนส์กล้อง โดยเราสามารถสลับไปใช้งานเลนส์มุมกว้างได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ลากนิ้วจากแถบด้านขวา มาที่คำว่า Wide และหากเลื่อนแถบไปยังด้านบนจะเป็นการซูมภาพ ซึ่งสามารถซูมได้ไกลสุดที่ระดับ 50 เท่า

ส่วนที่ด้านล่างจะเป็นโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ เริ่มตั้งแต่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปรับเอฟเฟกต์การเบลอของฉากหลังได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น โบเก้ทรงกลม, โบเก้รูปหัวใจ, โบเก้วน หรือโบเก้รูปแผ่นดิสท์ เป็นต้น

ดหมดการถ่ายภาพแบบ Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพได้เอง ไม่ว่าจะเป็น ค่า ISO, Speed Shutter หรือ White Balance รวมทั้งยังสามารถถ่ายภาพเป็นโหมด RAW รวมทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ถ่ายภาพแบบ RAW, AF Assist Light และโทนสีตามแบบฉบับ LEICA ได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ

โหมดการถ่ายภาพแบบ Aperture หรือการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอผ่านการจำลองค่ารูรับแสงระหว่าง f/0.95 - f/16

โหมดการถ่ายภาพแบบ Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนแบบไม่ใช้ขาตั้งกล้อง โดยสามารถตั้งค่า ISO และ Speed Shutter ได้ด้วยตนเอง

โหมดการถ่ายภาพแบบขาวดำ (Monochrome) ซึ่งสามารถถ่ายภาพได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอผ่านการจำลองค่ารูรับแสง, การถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือการถ่ายภาพแบบ Pro สำหรับคั้งค่ากล้องถ่ายภาพด้วยตนเอง

โหมดการถ่ายภาพแบบ Light Painting ซึ่งเป็นการเปิด Speed Shutter เป็นระยะเวลานาน เพื่อช่วยให้การรับแสงทำได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพรูปแบบต่างๆ ได้แก่ Traffic Trails การถ่ายภาพแสงไฟท้ายรถเป็นเส้น, Light Graffiti การถ่ายภาพแสงไฟเป็นเส้นสาย, Silky Water การถ่ายภาพน้ำตกให้ดูนุ่มนวล และ Star Trails การถ่ายภาพการเคลื่อนที่ของดวงดาว โดยทีมงานแนะนำว่าให้ใช้งานคู่กับขาตั้งกล้อง เพื่อป้องกันอาการภาพเบลอ

โหมดถ่ายภาพแบบ Underwater สำหรับการถ่ายภาพแบบใต้น้ำ โดยต้องใช้ร่วมกับเคสกันน้ำแบบ Waterproof ของ Huawei เท่านั้น

โหมดการถ่ายภาพแบบ High-Res สำหรับถ่ายภาพเต็มความละเอียดเซ็นเซอร์รับความของกล้องตัวหลักที่ 50 ล้านพิกเซล โดยไฟล์ภาพที่ออกมาจะมีความละเอียดอยู่ที่ 6144x8192 พิกเซล

โหมดการถ่ายวิดีโอแบบ Dual-View ซึ่งเป็นการถ่ายวิดีโอจากกล้องหลัก และกล้อง Periscope พร้อมกัน เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ในมุมมองใหม่ๆ

โหมดการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Mo ที่ระดับ 960fps พร้อมรองรับฟีเจอร์ Motion Detection สำหรับเริ่มบันทึกวิดีโอแบบอัตโนมัติเพื่อตรวจพบการเคลื่อนไหวของวัตถุบริเวณกรอบสี่ เหลี่ยม

รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ที่ 60fps สามารถบันทึกวิดีโอได้จากกล้องถ่ายภาพทุกเลนส์ แต่จะสามารถซูมภาพได้ไกลสุดที่ 15 เท่า

มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) โดยผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับส่วนต่างๆ ของใบหน้าให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ เช่น สกินโทน หรือกราม เป็นต้น และสามารถเลือกเอฟเฟกต์การเบลอของฉากหลังได้ด้วยตนเอง

รองรับการเปิดฟิลเตอร์ในรูปแบบต่างๆ ขณะถ่ายภาพด้วยโหมด Portrait

รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบ Night Mode ตอบโจทย์การถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาวะแสงน้อยเป็นอย่างดี

รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ซึ่งผู้ใช้สามารถเปลี่ยนฟิลเตอร์ขณะถ่ายวิดีโอได้อีกด้วย

รวมถึงการเปิดใช้งานเอฟเฟกต์ Beauty สำหรับปรับความเรียบเนียนให้กับใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างแบบ Panorama ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน Beauty ได้ในขณะถ่าย

รองรับการถ่ายภาพแบบ AR Lens สำหรับเปิดใช้งานสติกเกอร์ตัวการ์ตูนสุดแสนน่ารักที่สามารถขยับตามการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์ของชุดกล้องหน้าที่มีความสามารถในการตรวจจับการเคลื่อน ไหวของผู้ใช้งาน

รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Time-Lapse

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (Ultra Vision LEICA Quad Camera) ความละเอียดระดับ 50+40+12 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง 3D Depth Sensing ของ HUAWEI P40 Pro 5G

ภาพถ่ายจากกล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Cine

ภาพถ่ายจากโหมด Night

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ภาพถ่ายจากโหมดรูรับแสง

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าคู่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล + IR Depth Camera ของ HUAWEI P40 Pro 5G

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติพร้อมเปิดเอฟเฟกต์ Beauty

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟกต์ Beauty

สรุปผลการทดสอบของ HUAWEI P40 Pro 5G

HUAWEI P40 Pro 5G ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงระดับท็อปอีกหนึ่งรุ่นบนท้องตลาดที่มีความโดดเด่นด้านคุณสมบัติภายในที่จัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลแบบ OLED Quad-Curve Overflow Display ที่นอกเหนือจากจะมีความสวยงามพรีเมียมแล้ว ยังมีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ซึ่งช่วยให้การแสดงผลเป็นไปอย่างลื่นไหลมากขึ้นจากรุ่นก่อน รวมถึงชิปเซ็ต Kirin 990 5G ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 7nm พร้อมรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ได้ทันที ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

นอกจากนี้ HUAWEI P40 Pro 5G ยังมาพร้อมกับแบตบเตอรี่ขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ 4200 mAh แต่กลับมีน้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 209 กรัมเท่านั้น ช่วยให้การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ หรือการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างสะดวก รวมทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 40W HUAWEI SuperCharge กับ 27W Wirelss HUAWEI SuperCharge ที่ช่วยให้การเติมแบตเตอรี่เข้าสู่ตัวเครื่องเป็นไปอย่างรวดเร็วทั้งแบบใช้สาย และไร้สาย อีกทั้งยังสามารถแชร์พลังงานให้กับสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วยเทคโนโลยี Reverse Charge

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Huawei ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง HUAWEI P40 Pro 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ HUAWEI P40 Pro 5G

- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยพรีเมียม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามของน้ำที่ไหลผ่าน กับการหักเหของแสง พร้อมคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นในระดับ IP68 - ระบบระบายความร้อน SuperCool ด้วย 3D Graphene Film และ Ultra-Thin VC - หน้าจอแสดงผลขอบโค้งทั้งสี่ด้านแบบ Flex OLED Quad-Curve Overflow Display ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2640x1200 พิกเซล) พร้อม Refresh Rate ที่ระดับ 90Hz, การแสดงผลตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 HDR และฟีเจอร์ Anti Blue Light สำหรับตัดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Screen Fingerprint Sensor) - ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าด้วยกล้องหน้าแบบ IR Depth Camera ซึ่งสแกนได้ทั้งที่สว่าง และที่มืด - ชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 990 5G Octa-Core Processor (7nm) ความเร็วสูงสุด 2.73GHz - ชิปเซ็ตประมวลผลแยก Dual NPU สำหรับประมวลผลต่างๆ เกี่ยวกับระบบปัญญาประดิษฐ์ - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76 16-Core - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB - รองรับการเพิ่มหน่วยความจำแบบ NM Card ความจุสูงสุด 256GB - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อม HMS (HUAWEI Mobile Services) และครอบทับด้วย EMUI 10.1.0 - กล้องดิจิทัลด้านหลังทั้งหมด 4 ตัว (Ultra Vision LEICA Quad Camera) ความละเอียด 40+50+12 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง 3D Depth Sensing สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น มีรายละเอียดดังนี้

> กล้อง Ultra Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 > กล้อง Ultra Vision Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9เซ็นเซอร์รับภาพแบบ RYYB พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS > กล้อง SuperSensing Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/3.4เซ็นเซอร์รับภาพแบบ RYYB รองรับการซูมภาพแบบ Optical Zoom ระดับ 5 เท่า > กล้อง 3D Depth Sensing สำหรับตรวจจับข้อมูลชัดตื้น

- กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ ความละเอียดสูงสุด 32 ล้านพิกเซลขนาดรูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมโหมดการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ

- ฟังก์ชัน Master AI สำหรับประมวลผลภาพถ่ายให้สวยงามผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ - รองรับการซูมภาพแบบ Optical Zoom 5 เท่า และรองรับการซูมภาพแบบ Digital Zoom ได้ที่ 50 เท่า - HUAWEI XD Fusion Engine สำหรับช่วยประมวลผลภาพถ่ายให้มีความสวยงามคมชัด - ระบบโฟกัสภาพแบบ Octa PD Autofocus - ฟังก์ชัน Super Steady สำหรับช่วยลดอาการสั่นไหวขณะถ่ายวิดีโอ - รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K ที่กล้องหลัง และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Super Slow-Motion ที่ระดับ 7680FPS - ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ผสานกับ AIS - โหมดถ่ายภาพกลางคืนแบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง สามารถใช้งานได้กับกล้องทุกระยะ

- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 3.1 GEN1) - แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 40W HUAWEI SuperCharge, 27W Wireless HUAWEI SuperCharge และ Reverse Charge - ระบบการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย 27W HUAWEI SuperCharge - ระบบ Wireless Reverse Charging สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ แบบไร้สาย - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G, 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi 6 - รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 - รองรับ NFC - ระบบ GPS Dual Band (L1+L5) กับ A-GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย, ระบบ Beidou ของประเทศจีน (B1I + B1C + B2a), ระบบ GALILEO ของสหภาพยุโรป (E1 + E5a), ระบบ QZSS ของประเทศญี่ปุ่น (L1 + L5) และ NavIC ของประเทศอินเดีย - รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด + eSIM - บริการ HUAWEI Mobile Services และ AppGallery ที่เริ่มมีแอปพลิเคชันยอดนิยมให้เลือกใช้งานมากขึ้นตามลำดับ และความปลอดภัยของ HUAWEI AppGallery แบบ 4 ชั้น (4-Layer Security Detection, Developer Identity Verificaiton) - ระบบ Front Gesture Sensor ที่ทำงานร่วมกับ Dual NPU เพื่อวิเคราะห์การสั่งงานด้วยท่าทาง (มือ)

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ HUAWEI P40 Pro 5G

- ไม่มี GMS (Google Mobile Services) ติดตั้งมาให้ - มีให้เลือกเพียงความจุเดียวคือ 256GB - ลำโพงเสียงเป็นลำโพงเดี่ยว - ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร - ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD

Leave a Comment