รีวิว Realme 2 Pro สมาร์ทโฟนเรียลมีรุ่นท็อป พร้อม RAM 8GB + ROM 128GB ในราคาเพียง 8,990 บาท! :: Thaimobilecenter.com

23 พฤศจิกายน 2018 - Realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยของเราเมื่อไม่นานมานี้ โดยเป็นแบรนด์ลูกของ OPPO และประเดิมรุ่นแรกกับ Realme 2 Pro ที่มาพร้อมกับหน้าจอไร้ขอบแบบหยดน้ำ (Dewdrop Display) ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 กับความคมชัดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล) ที่รับชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้เต็มตา และคมชัดมากเป็นพิเศษ สำหรับตัวเครื่องใช ้เทคโนโลยีเคลือบผิวสัมผัสแบบ Laminate ทั้งหมด 15 ชั้น ทำให้ตัวเครื่องมีความเงางาม สะท้อนเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบได้

ในส่วนของสเปกตัวเครื่องก็จัดมาให้แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 AIE จับคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB พร้อมความจุภายในตัวเครื่องมาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่ยังสามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB เรียกได้ว่ารองรับการเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องหมั่นเคลียร์พื้นที่บ่อยๆ และมีแบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh พร้อมเทคโนโลยี AI Power ที่ช่วยจัดการการใช้งานของแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ที่ถูกครอบทับด้วย ColorOS 5.2

กล้องถ่ายภาพตัวหลักของ Realme 2 Pro เป็นแบบคู่พร้อมเทคโนโลยี AI (AI Dual Camera) ความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX398 โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ ที่มีรูรับแสง F/1.7+F/2.4 ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel ที่รวดเร็ว, การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมการจัดแสงแบบ 3 มิติ ถึง 5 รูปแบบ และฟีเจอร์ AI Scene กว่า 16 หมวดหมู่ สำหรับตรวจจับฉาก และวัตถุต่างๆ ภายในเฟรม เพื่อตั้งค่าการถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ รวมถึงระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS สำหรับถ่ายวิดีโอ

ส่วน กล้องหน้าให้มาที่ 16 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสง F/2.0 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Beauty Selfie ด้วยการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาวิเคราะอายุ, เพศ และสีผิว เพื่อปรับแต่งภาพให้มีความเป็นธรรมชาติของแต่ละบุคคล (วิเคราะห์ลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานทั้งหมด 296 จุด) และฟังก์ชัน Depth Effect สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Sticker ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการเซลฟี่ นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ AI Facial Unlock สำหรับปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้าอีกด้วย โดยจะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังตัวเครื่องนั่นเอง

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Realme 2 Pro มีจุดเด่นที่น่าสนใจในหลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียม หรือฟีเจอร์ที่จัดมาให้แบบครบครัน ในราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ 8,990 บาท ถือได้ว่าคุณสมบัติตัวเครื่องที่ได้เมื่อเทียบกับราคานั้นคุ้มค่าน่าสนใจ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชม การรีวิว Realme 2 Pro พร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Realme 2 Pro มาในแพ็กเกจสีขาว-แดง ที่ตัดกันอย่างลงตัว พร้อมชื่อรุ่น 2 Pro ขนาดใหญ่ตรงกลางกล่อง และโลโก้แบรนด์ Realme อยู่ที่ด้านล่าง ส่วนที่ด้านหลังจะระบุรุ่นความจุไว้ โดยรุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันคือ RAM 8GB+ROM 128GB

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ได้แก่ เคสใส, อะแดปเตอร์, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB, คู่มือการใช้งาน และเข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด

ภาพตัวอย่างการใส่เคสใสที่มาในแพ็กเกจ

Realme 2 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล In-Cell IPS LCD ไร้ขอบแบบหยดน้ำ (Dewdrop Display) ขนาด 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 (พื้นที่การแสดงผล 90.8%) ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 409 ppi) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูน 2.5D Gorilla Glass 3 บนตัวเครื่องขนาด 156.7x74x8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 174 กรัม

ที่ด้านบนประกอบไปด้วยกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่คมชัด 16 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.0 และรองรับเทคโนโลยี AI Beauty Selfie พร้อมลำโพงสนทนาที่ด้านบน และติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

นอกจากนี้ยังรองรับระบบการสแกนใบหน้า (AI Facial Unlock) ในการปลดล็อกตัวเครื่องอีกด้วย

ด้านหน้าส่วนล่างไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ โดย Realme 2 Pro ใช้ปุ่มควบคุมบนหน้าจอแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงภายนอก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ หรือเปิด-ปิด เครื่อง และเรียกใช้ Google Assistant

Realme 2 Pro มาพร้อมกับตัวเครื่องที่ใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิวสัมผัสแบบ Laminate ทั้งหมด 15 ชั้น ทำให้ตัวเครื่องมีความเงางาม สะท้อนเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบได้ โดยสีที่ทีมงานได้รับมารีวิวนั้นคือสีดำ Black Sea

ที่ด้านหลังตัวเครื่องของ Realme 2 Pro มีการติดตั้งระบบกล้องคู่ (AI Dual Camera) พร้อมไฟแฟลช LED ไว้ที่มุมบนซ้ายในแนวนอน โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX398 โครงสร้าง 6 ชิ้นเลนส์ ที่มีรูรับแสง F/1.7 ส่วนกล้องตัวที่สองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสง F/2.4 ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel, การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมการจัดแสงแบบ 3 มิติ ถึง 5 รูปแบบ, ฟีเจอร์ AI Scene ทั้งหมด 16 รูปแบบ และระบบกันสั่นแบบ EIS สำหรับการถ่ายวิดีโอ สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) จะอยู่ตรงกลางที่ด้านหลัง

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Realme 2 Pro ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8.1 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย ColorOS 5.2 โดยรองรับหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB พร้อมความจุภายในตัวเครื่องมาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีก 256GB

และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G แบบ Dual 4G LTE

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Toggle Swtich ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ รวมถึง Notification Center แถบการแจ้งเตือนต่างๆ

โดยสามารถปรับตำแหน่งของคีย์ลัดต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ

เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Smart Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่คอยแนะนำฟีเจอร์ และข้อมูลต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟน เช่น ข้อมูลการออกกำลังกาย, ภาพถ่ายในแต่ละสัปดาห์ หรือรายชื่อผู้ติดต่อที่ติดต่อเป็นประจำ และยังสามารถปรับแต่งรูปแบบแอปพลิเคชันที่แสดงภายในหน้า Smart Assistant ได้ ด้วยการกดไอคอนแก้ไข (Edit) บริเวณด้านล่าง

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการได้ และเมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อผู้ติดต่อ, การบันทึกเสียง, เข็มทิศ, เครื่องคิดเลข, Clone Phone, One-Tap Lockscreen สำหรับล็อกหน้าจอ และ Keep Notes สำหรับบันทึกข้อมูลต่างๆ

สามารถปรับค่าการแสดงผลต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ปรับความสว่างอัตโนมัติ, อุณหภูมิสี หรือขนาดของตัวอักษร และด้วยดีไซน์ของ Realme 2 Pro ที่เป็นแบบ Dewdrop Display ในอัตราส่วน 19.5:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้

แอปพลิเคชัน Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา

สามารถปรับเปลี่ยนภาพื้นหลัง (Wallpaper) และจำนวนการแสดงผลของไอคอนบนหน้าจอได้

การแสดงไอคอนแบบ 4x6 และ 5x6

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้ รวมถึงการเปิดใช้งานฟังก์ชัน Assistive Ball ปุ่มคีย์ลัดที่สามารถเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้

หรือเลือกใช้งานการควบคุมแบบ Swipe-Up Gesture Navigation ในการปัดหน้าจอขึ้นลักษณะต่างๆ เพื่อสั่งการ โดยมีให้เลือกใช้งานตามความถนัดถึง 3 รูปแบบ

รวมถึงฟังก์ชัน Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด และแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบสีขาวที่หน้าจอ

โดยรองรับการใช้งานในแนวตั้งด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Full Screen Multitasking สำหรับเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ เช่น การเล่นเกม หรือการชมวิดีโอต่างๆ

สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะก็มีให้ใช้งานบน Realme 2 Pro ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย การยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อเป็นการปลุกการทำงาน หรือการแคปเจอร์หน้าจอด้วยการลาก 3 นิ้วจากบนลงล่าง และ Smart Call การโทรแบบอัจฉริยะ ที่สามารถตั้งค่าให้รับสาย หรือโทรออกได้อัตโนมัติเมื่อมีการแนบตัวเครื่องกับใบหู รวมถึงการยกหน้าจอเพื่อปิดเสียงขณะมีสายเรียกเข้า

และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย

รวมถึง Screen-Off Gestures การวาดนิ้วในลักษณะต่างๆ ขณะหน้าจอดับอยู่ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น แตะสองครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ, วาดตัวอักษร O เพื่อเปิดแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ, วาดตัวอักษร V เพื่อเปิดใช้งานไฟฉาย และการวาดตัวอักษร < หรือ > เพื่อเปลี่ยนเพลง นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ารูปแบบการวาดเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อีกด้วย

เมื่อกดปุ่ม Power ค้างไว้ประมาณ 2 วินาทีจะเป็นการเรียกใช้งาน Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google ที่ผู้ใช้สามารถสั่งงานภายในตัวเครื่อง รวมถึงค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการผ่านคำสั่งเสียง รวมถึงบริการ Google Lens บริการค้นหาวัตถุ หรือสถานที่ด้วยการนำกล้องไปถ่ายวัตถุนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ตัวอย่างการค้นหาด้วยฟีเจอร์ Google Lens

Realme 2 Pro มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ที่เมื่อกดใช้งานแถบแบตเตอรี่บนหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

ฟังก์ชัน Quiet Time สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน

Clone Apps อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Realme 2 Pro สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

Realme 2 Pro มีฟังก์ชัน App Split-Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 2 แบบ คือ รวมภาพถ่ายทั้งหมด และแสดงแบบแยกอัลบั้ม

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Realme 2 Pro มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

และการปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Facial Unlock) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

ท่านที่ใช้งาน Realme 2 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แล้วอยากย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน Clone Phone ได้ทันที

Realme 2 Pro รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Music และสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac ได้ โดยผู้ใช้สามารถสามารถปรับรูปแบบอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย รวมถึงเทคโนโลยี Smart PA ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น (ระบบเสียง Dirac และเทคโนโลยี Smart PA จะต้องใช้งานร่วมกับหูฟังเท่านั้น)

Realme 2 Pro มาพร้อมฟังก์ชันเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่าง App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง Private Safe ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน นอกจากนี้ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อต้องกรอกรหัสผ่าน และการป้องกันการบันทึกหน้าจอที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญ

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Realme 2 Pro นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 33 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 9 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

Realme 2 Pro มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 660 AIE แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.2 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 512 , หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย User Interface แบบ ColorOS 5.2

Realme 2 Pro มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 133,585 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 1,453 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 5,525 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,224 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 964 คะแนน

Realme 2 Pro รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Realme 2 Pro คือ Game Space ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ ขณะเล่นเกม รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้

และใน Game Space ก็มี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติอย่าง Asphalt 9, PUBG Mobile และ ROV ก็พบว่า Realme 2 Pro นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง และด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh พร้อมเทคโนโลยี AI Power ที่ช่วยในการจัดสรรพลังงานของแบตเตอรี่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงทำให้เล่นเกมได้ยาวนานต่อเนื่อง

Realme 2 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ In-Cell IPS LCD Dewdrop Display ขนาด 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 (พื้นที่การแสดงผล 90.8%) ความละเอียดระดับ Full HD+ จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Realme 2 Pro เป็นแบบคู่ (Dual Camera) พร้อมเทคโนโลยี AI ความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX398 มีรูรับแสงขนาด F/1.7+F/2.4 โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบง่าย สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ซึ่งรองรับเทคโนโลยี Smart Beauty สำหรับปรับค่าผิวสวยด้วย AI แบบอัตโนมัติ หรือเลือกแบบปรับเองทั้งหมด 6 ระดับ

และมีฟีลเตอร์แบบต่างๆ ให้เลือกใช้งาน โดยจะให้อารมณ์ของภาพแตกต่างกันออกไป

Realme 2 Pro มาพร้อมโหมดการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) พร้อมฟังก์ชันการปรับแสงแบบ 3 มิติ ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ Natural Light, Film Light, Mono-Tone Light, Rim Light และ Bi-Color Light

นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Stickers ให้ได้เลือกใช้งานหลากรูปแบบด้วยเช่นกัน

รวมถึงการถ่ายภาพในมุมกว้างแบบพาโนรามา

สำหรับการถ่ายโหมด Expert บน Realme 2 Pro มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

การถ่ายวิดีโอบน Realme 2 Pro รองรับเทคโนโลยี Smart Beauty สำหรับปรับค่าผิวสวยได้ทั้งหมด 6 ระดับ และสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ 4K Ultra HD เลยทีเดียว รวมถึงฟังก์ชันการถ่ายแบบ Time-Lapse

รวมถึงการบันทึกวิดีโอพร้อมฟีลเตอร์แบบต่างๆ

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที ทั้งการ เปิด-ปิด แฟลช, โหมด HDR สำหรับถ่ายในที่แสงจ้า หรือย้อนแสง, ฟังก์ชัน Depth Effect สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, การจับเวลาถ่ายภาพ และรูปแบบสัดส่วนของภาพถ่าย

รองรับเทคโนโลยี Smart Beauty สำหรับปรับค่าผิวสวยด้วย AI แบบอัตโนมัติ หรือเลือกแบบปรับเองทั้งหมด 6 ระดับ

และรองรับการถ่ายภาพพร้อมฟีลเตอร์แบบต่างๆ

AR Sticker สติกเกอร์แบบต่างๆ ก็มีให้ใช้งานบนกล้องหน้าด้วยเช่นกัน

และสามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบมุมกว้างได้

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้ารองรับเทคโนโลยี Smart Beauty สำหรับปรับค่าผิวสวยได้ทั้งหมด 6 ระดับ และสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ Full HD 1080p รวมถึงการถ่ายวิดีโอพร้อมฟีลเตอร์แบบต่างๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ AI Dual Camera ความละเอียดระดับ 16 + 2 ล้านพิกเซล ของ Realme 2 Pro

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมการจัดแสงแบบ Natural Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมการจัดแสงแบบ Mono-Tone Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมการจัดแสงแบบ Film Light และ Mono-Tone Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมการจัดแสงแบบ Rim Light และ Bi-Color Light

ภาพถ่ายจากโหมดปกติในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ Realme 2 Pro

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Smart Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Smart Beauty ที่ระดับ 3

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Smart Beauty ที่ระดับ 6

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Depth Effect และ Smart Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน Smart Beauty แบบอัตโนมัติ (AI) และฟีเจอร์ AR Sticker

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน HDR

สรุปผลการทดสอบของ Realme 2 Pro

จากการทดสอบทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่า Realme 2 Pro ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เริ่มตั้งแต่การดีไซน์ตัวเครื่องสวยพรีเมียม ด้วยจอไร้ขอบแบบหยดน้ำ (Dewdrop Display) ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 กับความคมชัดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 409 ppi) ที่รับชมคอนเทนท์ต่างๆ ที่ระดับ 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ และตัวเครื่องมีความเงางามด้วย เทคโนโลยีเคลือบผิวสัมผัสแบบ Laminate ทั้งหมด 15 ชั้น

ด้านสเปกตัวเครื่องก็จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 AIE แบบ 8-Core พร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X มากถึง 8GB ที่ยากจะพบเจอบนสมาร์ทโฟนในราคาหลักพัน รวมถึงความจุภายในตัวเครื่องแบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่ยังสามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB เรียกได้ว่ารองรับการเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องหมั่นเคลียร์พื้นที่บ่อยๆ และหมดปัญหาการเลือกใช้งานในช่องซิมการ์ดที่ 2 เนื่องจาก Realme 2 Pro มาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ที่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ก็ให้แบตเตอรี่มาที่ความจุ 3500 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI Power สำหรับช่วยจัดการพลังงานในแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย ColorOS 5.2 ที่รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant ที่ผู้ใช้สามารถสั่งงานภายในตัวเครื่อง รวมถึงค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการผ่านคำสั่งเสียง รวมถึงบริการ Google Lens บริการค้นหาวัตถุ หรือสถานที่ด้วยการนำกล้องไปถ่ายวัตถุนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ฟังก์ชันสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะอย่าง Game Space ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้ขณะเล่นเกม ก็มีบน Realme 2 Pro ด้วยเช่นกัน พร้อมกับฟีเจอร์ Graphics Acceleration ในการรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลอีกด้วย

สำหรับการถ่ายภาพ Realme 2 Pro รองรับระบบกล้องคู่ (AI Dual Camera) ที่ด้านหลัง โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX398 ที่มีโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ รูรับแสงขนาด F/1.7 ส่วนกล้องตัวที่สองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.4 ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel , การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมการจัดแสงแบบ 3 มิติ ถึง 5 รูปแบบ , ฟีเจอร์ AI Scene ทั้งหมด 16 รูปแบบ และ ระบบกันสั่นแบบ EIS สำหรับการถ่ายวิดีโอ

ทางด้าน กล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.0 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Beauty Selfie ด้วยการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาวิเคราะอายุ, เพศ และสีผิว เพื่อปรับแต่งภาพให้มีความเป็นธรรมชาติของแต่ละบุคคล จากการวิเคราะห์ลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานทั้งหมด 296 จุด และรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอด้วย ฟังก์ชัน Depth Effect รวมถึงลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Sticker ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการเซลฟี่ นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ AI Facial Unlock สำหรับปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกสนใบหน้าอีกด้วย โดยจะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง เรียกได้ว่า Realme 2 Pro มีระบบรักษาความปลอดภัยถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว

นอกจากนี้ Realme 2 Pro ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น การสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ดแบบ Dual 4G , ฟังก์ชัน Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด และแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบสีขาวที่หน้าจอ พร้อม Full Screen Multitasking สำหรับเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ เช่น การเล่นเกม หรือการชมวิดีโอต่างๆ และ Screen-Off Gestures การวาดนิ้วในลักษณะต่างๆ ขณะหน้าจอดับอยู่ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด รวมถึง การบันทึกภาพหน้าจอแบบยาว

Realme 2 Pro ยังรองรับฟีเจอร์ Clone Apps ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook ได้ 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน และ App Split-Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน พร้อมทั้งฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสำหรับท่านที่เปลี่ยนมาใช้งาน Realme 2 Pro ด้วยฟังก์ชัน Clone Phone ที่สามารถทำการโอนถ่ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมได้ทันที นอกจากนี้ยังรองรับ ระบบเสียง Dirac ที่ผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย และเทคโนโลยี Smart PA ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น แต่จำเป็นต้องเชื่อมต่อหูฟังก่อน

สำหรับฟังก์ชันที่ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวบน Ralme 2 Pro ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ได้แก่ App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง และ Private Safe ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน รวมถึงก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อต้องกรอกรหัสผ่าน และการป้องกันการบันทึกหน้าจอที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญ

และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า Realme 2 Pro เหมาะสำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่มีฟีเจอร์ครบครันรอบด้าน พร้อมกับการดีไซน์ที่ทันสมัย ด้วยจอไร้ขอบขนาดใหญ่ในอัตราส่วนที่กว้างขึ้น และช่วยให้ใช้งานได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ และคมชัดทุกรายละเอียด รวมถึงชื่นชอบการถ่ายรูป ในราคาที่คุ้มค่า

สำหรับ Realme 2 Pro รุ่น 8GB+128GB เปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 8,990 บาท และวางจำหน่ายแบบ Exclusive เฉพาะที่ร้าน ทรูช็อป เพียงที่เดียวเท่านั้น และมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือสีดำ (Black Sea) พร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษเพียง 4,990 บาท จากทาง TrueMove H เมื่อสั่งซื้อตัวเครื่องพร้อมสมัครใช้งานแพ็กเกจรายเดือน 4G+ FUN Unlimited ราคา 699 บาทขึ้นไป และชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,500 บาท (ระยะสัญญา 12 เดือน)

สำหรับ รุ่น 4GB+64GB มีราคา 6,590 บาท โดยวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บ Lazada ในทุกๆ วันพุธ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Realme ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Realme 2 Pro มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ Realme 2 Pro

- ด้านหลังตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีเคลือบผิวสัมผัสแบบ Laminate ทั้งหมด 15 ชั้น ทำให้ตัวเครื่องมีความเงางาม สะท้อนเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบได้ - ตัวเครื่องขนาด 156.7x74x8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 174 กรัม - หน้าจอแสดงผล In-Cell IPS LCD ขนาด 6.3 นิ้ว ไร้ขอบแบบ Dewdrop Display ในอัตราส่วน 19.5:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 90.8% ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล) และครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 3 - ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) Qualcomm Snapdragon 660 AIE แบบ Octa-Core Processor - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 512 - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB (รุ่นความจุ 64GB เป็นแบบ eMMC 5.1) - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ 256GB - ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) และ microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน - กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (AI Dual Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX398 โครงสร้าง 6 ชิ้นเลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7+F/2.4, รองรับเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel, โหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมการจัดแสงแบบ 3 มิติ ทั้งหมด 5 รูปแบบ, ฟีเจอร์ AI Scene ที่สามารถตรวจจับซีนได้ทั้งหมด 16 รูปแบบ และระบบกันสั่นแบบ EIS สำหรับวิดีโอ - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty Selfie โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 และฟังก์ชัน Depth Effect สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Sticker ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการเซลฟี่ - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง - ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Facial Unlock) - ฟังก์ชัน Clone App สำหรับใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook ได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ - ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร - แบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh พร้อมเทคโนโลยี AI Power - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมครอบทับด้วยColorOS 5.2 - ระบบเสียง Dirac และเทคโนโลยี Smart PA - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS และ Beidou ของประเทศจีน - รองรับการสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G) - ราคา 8,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Realme 2 Pro

- ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย - กรอบตัวเครื่องผลิตจากพลาสติก ไม่ใช่โลหะ - ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน - หน้าจอ Dewdrop Display ในอัตราส่วน 19.5:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้ - ด้วยความที่หน้าจอมีขอบบาง อาจทำให้อุ้งมือของผู้ใช้ไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

Leave a Comment