รีวิว realme C2 สมาร์ทโฟนกล้องคู่สุดคุ้ม จอใหญ่ แบตเยอะ สเปกเร็วลื่นไหล ในราคาไม่ถึง 4 พันบาท :: Thaimobilecenter.com realme C2

สมาร์ทโฟนกล้องคู่สุดคุ้มน้องใหม่ จอใหญ่ แบตเยอะ สเปกเร็วลื่นไหล บนตัวเครื่องดีไซน์หรู ในราคาไม่ถึง 4 พันบาท! ด้วยจอ Dewdrop HD+ ใหญ่ 6.1 นิ้ว, กล้องคู่ AI 13+2 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่สุดอึด 4000 mAh, ชิปเซ็ต Helio P22, หน่วยความจำจุใจ RAM 3GB+ROM 32GB และ ColorOS 6.0 บน Android P ที่สดใหม่ กับตัวเครื่อง Diamond Cut ดีไซน์หรู ในราคาสุดคุ้มเพียง 3,999 บาท

15 มิถุนายน 2019 - ปัจจุบันแบรนด์สมาร์ทโฟน realme แบ่งไลน์ผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 กลุ่มหลักใหญ่ๆ ได้แก่ realme Series ที่ ใช้ตัวเลขเป็นตัวกำกับชื่อรุ่น มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการทำงานตอบโจทย์รอบด้าน (รุ่นปัจจุบันคือ realme 3), Pro Series สมาร์ทโฟนกลุ่มเรือธงสำหรับผู้ใช้วัยรุ่น (รุ่นปัจจุบันคือ realme 3 Pro), U Series ที่ชูจุดเด่นด้านกล้องถ่ายภาพ (รุ่นปัจจุบันคือ realme U1),  และ ตระกูล C Series ซึ่งเป็นน้องเล็กสุดของสมาร์ทโฟน realme ที่มีจุดเด่นด้านสเปกแบบครบเครื่อง และความคุ้มค่าคุ้มราคา ซึ่งในขณะนี้ realme C Series ก็ได้เดินทางมาถึงรุ่น realme C2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทาง realme เปิดตัวครั้งแรกในประเทศอินเดียเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมากับคอนเซ็ปต์ “Shine Likes a Diamond” ด้วยการดีไซน์ตัวเครื่องที่ถอดแบบมาจากรุ่นเรือธง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลทรงหยดน้ำแบบ Dewdrop Full Screen รวมถึงฝาหลังแบบ Diamond Cut Design ที่มีการขึ้นรูปฝาหลังให้ดูมีมิติ และสะท้อนแสงตามมุมต่างๆ คล้ายกับประกายเพชร

ส่วนทางด้านประสิทธิภาพการทำงานยังคงความคุ้มค่าคุ้มราคาแม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น ซึ่งทาง realme ยกให้เป็น "King of Entry Level" หรือสุดยอดสมาร์ทโฟนแห่งความคุ้มค่า ด้วยการมาพร้อมกับหน้าจอทรงหยดน้ำขอบบางเฉียบ ขนาดใหญ่ 6.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ ที่ มีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 89.35% ภายในขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MediaTek MT6762 Helio P22 ชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 12 นาโนเมตร พร้อมแบตเตอรี่ขนาดจุใจ 4000mAh ซึ่งฮาร์ดแวร์เหล่านี้จะ รันอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย ColorOS 6.0 ที่มีลูกเล่นต่างๆ ให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย ทางด้านการถ่ายภาพแม้ว่า realme C2 จะเป็นมือถือรุ่นเล็ก แต่ก็ยังคงจัดเต็มด้านกล้องถ่ายภาพไม่แพ้รุ่นพี่ โดยมาพร้อมกับ กล้อง หลังคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ที่มีฟังก์ชันถ่ายภาพแบบ Chroma Boost สำหรับช่วงปรับแต่งสีสันให้มีความสดใส ถ่ายทอดอารมณ์ของภาพในรูปแบบที่จัดจ้านกว่าเดิม ส่วนทางกล้องหน้าจัดวางความละเอียดมาให้ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อม โหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจอย่างโหมดหน้าชัดหลังเบลอ และโหมด Beauty สำหรับปรับให้ใบหน้ามีความสวยใสในชัตเตอร์เดียว

โดยคุณสมบัติทั้งหมดข้างต้นนี้ สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 3,999 บาท เท่านั้น ก็จะเห็นได้ว่า realme C2 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีความน่าสนใจสมกับฉายา King of Entry Level เลยทีเดียว โดยตัวเครื่องจริงจะเป็นอย่างไร และมีฟีเจอร์อะไรให้ใช้งานบ้าง เราไปติดตามรีวิวพร้อมกันเลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ realme C2 จะเป็นแบบ Triple-Slot โดยรองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ nano-SIM ทั้งสองซิมการ์ด และสามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนกับซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot

อีกหนึ่งความน่าสนใจของสมาร์ทโฟน realme ทุกรุ่นคืองานประกอบ เนื่องจากทาง realme มีการทดสอบความแข็งแกร่งของสมาร์ทโฟนอย่างหนักหน่วงก่อนที่จะผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น การทดสอบการตก 10,000 ครั้ง, ทดสอบการเสียบสายเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 10,000 ครั้ง หรือทดสอบปุ่มกด 10,000 ครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

realme C2 สามารถใช้งานฟีเจอร์ Screen-off Gesture ที่ใช้นิ้ววาดเป็นรูปแบบต่างๆ ขณะที่หน้าจอดับเพื่อสั่งการตัวเครื่องได้ด้วย โดยเมื่อวาดเป็นรูปตัว O จะเป็นการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ, วาดเป็นรูปตัว V จะเปิดฟังก์ชันไฟฉาย, วาด l l เพื่อหยุดเพลงที่กำลังเล่นอยู่ และวาด < หรือ > เพื่อเปลี่ยนเพลง

นอกจากนี้ ยังสามารถรูปแบบการวาดตัวอักษรเพื่อสั่งการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง

รวมถึงฟังก์ชัน Smart Call หรือฟีเจอร์เกี่ยวกับการสนทนาโดยเฉพาะ เช่น รับสายอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู หรือคว่ำหน้าจอขณะมีสายเรียกเข้าเพื่อปิดเสียง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อคำนึงถึง ความปลอดภัยด้านการขับขี่ของผู้ใช้งานโดยเฉพาะอย่าง Smart Diving ที่ภายในประกอบด้วย Driving Mode ที่เป็นการเปิดใช้งานฟังก์ชันบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อกับคอนโซลภายในรถยนต์แบบอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในตัวเครื่องได้ทันที และ Riding Mode ที่เป็นการปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างภายในตัวเครื่องยกเว้นสายเรียกเข้า เพื่อให้มีผู้ใช้มีสมาธิอยู่กับการขับขี่นั่นเองครับ

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ

สามารถเลือกรูปแบบฟิลเตอร์ของภาพถ่ายเพื่อทำการ ปรับสีสันได้ทั้งหมด 11 รูปแบบ

และสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันซูมภาพถ่ายแบบสอง เท่าได้ผ่านการแตะที่ไอคอน 1x

สามารถปรับระดับเอฟเฟกต์หน้าสวย (Beauty) ได้ทั้งหมด 100 ระดับ

ส่วนด้านล่างจะเป็นแถบสำหรับเลือกโหมดการถ่าย ภาพในรูปแบบต่างๆ โดยเมื่อปัดไปทางขวาจะพบกับโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายภายในชัตเตอร์เดียว

และเมื่อปัดไปทางด้านซ้ายโหมดถ่ายวิดีโอที่รอง รับการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080P

ส่วนโหมดถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ จะถูกซ่อนเอาไว้ที่เมนู 3 ขีดด้านซ้าย ได้แก่ โหมด Pano สำหรับถ่ายภาพมุมกว้างแบบพาโนรามา

โหมด Expert สำหรับปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องถ่ายภาพได้ด้วยตนเอง ประกอบด้วย การตั้งค่า Exposure ซึ่งจะแบ่งออกเป็น การตั้งค่า ISO ได้ตั้งแต่ 100-6400 และการตั้งค่า Speed Shutter ตั้งแต่ 1/8000 - 16 วินาที, การตั้งค่า White Balance ตั้งแต่ 2000K - 9000K, การปรับระยะโฟกัสภาพถ่าย และการตั้งค่าการชดเชยแสงตั้งแต่ -3 EV ถึง +3 EV

โหมด Time-Lapse สำหรับถ่ายวิดีโอแบบเร่งความเร็ว

และโหมด Time-Lapse สำหรับถ่ายวิดีโอแบบเร่งความเร็ว

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ (Dual Camera) ความละเอียดระดับ 13+2 ล้านพิกเซล ของ realme C2

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลของ realme C2

ภาพภาพถ่ายจากโหมด Portrait

สรุปผลการทดสอบของ realme C2

ส่วนทางด้านประสิทธิภาพการทำงานก็จัดวางมาให้แบบครบถ้วนตอบโจทย์ทุกการใช้งานขั้นพื้นฐาน ด้วยขุมพลัง MediaTek MT6762 Helio P22 Octa-Core Processor ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมขนาด 12 นาโนเมตร ซึ่งด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตที่เล็กลง ส่งผลให้ตัวเครื่องประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น รวมถึงหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB และหน่วยความจำภายในความจุ 32GB ที่ ผู้ใช้สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้ พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย ColorOS 6 ซึ่งมีลูกเล่นให้เลือกใช้งานแบบหลากหลาย

และจุดที่น่าสนใจคือทาง realme ได้ติดตั้ง กล้องคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล เอาไว้บน realme C2 ที่มีราคาเพียงเท่านี้ ซึ่งโดยปกติแล้วเรามักจะเห็นบนสมาร์ทโฟนระดับกลาง หรือระดับเรือธงเท่านั้น ส่งผลให้เราสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเนียนตา นอกจากนี้ realme C2 ยังมีโหมดถ่ายภาพแบบ Chroma Boost ที่เป็นการเติมสีสันให้ แก่ภาพถ่ายโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตกแต่งในแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติม ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่แม้จะมีความละเอียดน้อยกว่ากล้องหลังที่ 5 ล้านพิกเซล แต่ด้านโหมดถ่ายภาพถือว่าครบครันไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ หรือฟังก์ชัน Beauty สำหรับปรับเอฟเฟกต์หน้าสวยได้ถึง 100 ระดับ

จากการทดสอบทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่า realme C2 เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่มีดีไซน์สวยสะดุดตา และสามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การเล่นโซเชียลมีเดีย หรือการถ่ายภาพ รวมไปถึงผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องสำรอง ซึ่งหากพิจารณาราคาวางจำหน่ายที่ 3,999 บาท แล้ว ก็ถือว่า realme C2 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว

realme C2 เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีดำ Diamond Black และสีน้ำเงิน Diamond Blue ซึ่งหากใครที่ สนใจก็สามารถไปทดลองใช้งานเบื้องต้น และจับจองเป็นเจ้าของ realme C2 ได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่าน สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง realme ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง realme C2 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ realme C2

- ดีไซน์ตัวเครื่องที่ถูกขึ้นรูปแบบ Unibody พร้อมฝาหลังแบบ Diamond Cut ที่สะท้อนแสงได้คล้ายกับประกายเพชร พร้อมคุณสมบัติ Smudge Free ช่วยป้องกันคราบเปื้อนจากการใช้งาน - หน้าจอแสดงผลไร้ขอบทรงหยดน้ำแบบ Dewdrop Full Screen ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1560x720 พิกเซล) พร้อมพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง 89.35%, อัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 19.5:9 พร้อมครอบทับด้วยกระจก Corning Glass - ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ AI Facial Unlockที่ยืนยันตัวตนผ่านการจับจุดต่างๆ บนใบหน้าผู้ใช้งานกว่า 128 จุด และใช้เวลาสแกนเพียง 0.3 วินาที - ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek MT6762 Helio P22 Octa-Core Processor ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 12 นาโนเมตร - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ IMG PowerVR GE8320 - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมถูกครอบทับด้วย ColorOS6.0 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดขนาด 256GB - กล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual Camera) แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล โครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ ที่มีค่ารูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF และกล้องตัวที่สองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยเก็บข้อมูลระยะความลึก พร้อมฟีเจอร์ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait, ฟีเจอร์ Chroma Boost สำหรับช่วยเติมสีสันให้แก่ภาพถ่าย และเอฟเฟกต์ Beauty ที่สามารถปรับระดับความเนียนได้ 100 ระดับ - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มีเม็ดพิกเซล 1.12 ไมครอน พร้อมรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait และเอฟเฟกต์ Beauty ที่ปรับระดับความเนียนได้ 100 ระดับ - ระบบเสียงแบบ Real Sound Technology - ฟังก์ชัน Clone Apps สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ฟังก์ชัน Game Space สำหรับช่วยจัดสรรพลังงานภายในตัวเครื่องให้เหมาะสมแก่การเล่นเกม พร้อมปิดการแจ้งเตือนต่างๆ - แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi - รองรับเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านโครงข่าย 4G LTE แบบ VoLTE - รองรับเทคโนโลยี Wi-Fi Calling สำหรับสนทนาผ่านระบบ Wi-Fi - รองรับการใช้งาน GPS+A-GPS พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม GLONASS - ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot รองรับการใส่ 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ได้พร้อมกัน - ราคาวางจำหน่าย 3,999 บาท ถือว่าคุ้มค่าเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ realme C2 - รองรับการใช้งาน WiFi เฉพาะที่คลื่นความถี่ 2.4 GHz - ยังใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB - ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

Leave a Comment