รีวิว Samsung Galaxy Watch สมาร์ทวอทช์เพื่อสุขภาพ และการออกกำลังกายใหม่ล่าสุด ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในหนึ่งเดียว! :: Thaimobilecenter.com

สมาร์ทวอทช์เพื่อสุขภาพ และการออกกำลังกายใหม่ล่าสุด ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในหนึ่งเดียว! เต็มที่ทุกการใช้งานด้วยจอ Super AMOLED ผสานกระจก Gorilla Glass DX+, ชิป GPS, เซ็นเซอร์ Heart Rate, มาตรฐานกันน้ำ IP68+5ATM, แกร่งระดับ MIL-810G, แบตเตอรี่ที่อึดขึ้น และระบบชาร์จไร้สาย บนตัวเรือนดีไซน์ใหม่ ในราคาที่จับต้องได้

กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับรีวิวสมาร์ทโฟนและแก็ดเจ็ตที่น่าสนใจโดยทีมงาน Thaimobilecenter ครับ สำหรับแก็ดเจ็ตที่เราจะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ก็คือ นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นล่าสุด Samsung Galaxy Watch ซึ่งเปิดตัวออกมาพร้อมกับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Note 9 นั่นเองครับ

Samsung Galaxy Watch เป็นสมาร์ทวอทช์ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Gear S3 โดยยังคงคุณสมบัติเด่นของรุ่นที่แล้วเอาไว้ พร้อมกับเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามา ฟังก์ชันการใช้งานหลักๆ คือ ช่วยแสดงแจ้งเตือน จากแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนของเรา รวมถึงตารางนัดหมายต่างๆ และ ใช้คุยโทรศัพท์ในจังหวะที่ไม่สะดวกหยิบสมาร์ทโฟน โดยกดรับสาย หรือโทรออกจากตัว Galaxy Watch ได้เลย ช่วยให้เราไม่ต้องยกหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูตลอดเวลา นอกจากนี้ Galaxy Watch ยังทำหน้าที่เป็น FitnessTracker ที่คอยเก็บข้อมูลเชิงสุขภาพของเรา เช่นการออกกำลังกาย การเผาผลาญ ข้อมูลโภชนาการ ไปจนถึงระยะเวลา และคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมด้านสุขภาพ และปรับปรุงได้อย่างถูกจุด

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย Samsung Galaxy Watch สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยมาพร้อมกับ ฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกายถึง 40 แบบ ตั้งแต่การเดิน, วิ่ง, ว่ายน้ำ, วิดพื้น, ยกน้ำหนัก และอื่นๆ ตัวเรือน ผลิตจากวัสดุสแตนเลสเกรด 316L ซึ่งทนทานเทียบเท่ามาตรฐาน MIL-810G หรือเช่นเดียวกับอุปกรณ์ทางการทหาร และ กันน้ำได้ ตามมาตรฐาน IP68 และ 5ATM จึงสามารถใส่ว่ายน้ำ หรือกระโดดน้ำได้แบบไม่ต้องกังวล

สำหรับสเปกโดยทั่วไป Samsung Galaxy Gear มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส Super AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass DX+ ซึ่งออกแบบมาเพื่อ Galaxy Watch โดยเฉพาะ, ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Tizen-based wearable OS 4.0 , ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Dual-Core Exynos 9110 ความเร็ว 1.15GHz พร้อมด้วยหน่วยความจำ RAM 768 MB และ ROM 4 GB , รองรับการเชื่อมต่อ WiFi และมีGPS ในตัว พร้อมด้วยแบตเตอรี่ความจุ 472mAh ที่รองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 3 วันเลยทีเดียว

จากคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา นับว่า Samsung Galaxy Watch เป็นแก็ดเจ็ตที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานและฟีเจอร์อื่นๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆ กันใน รีวิว Samsung Galaxy Watch โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันเลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Watch

Samsung Galaxy Watch มีดีไซน์โดยรวมที่คล้ายกับ Galaxy Gear รุ่นก่อนๆ โดยมาพร้อมกับหน้าปัดทัชสกรีนทรงกลมแบบ Super AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ตัวเรือนเป็นวัสดุสแตนเลสสวยงามทนทาน มี 2 ขนาดให้เลือก ได้แก่ขนาด 46 มิลลิเมตร และ 42 มิลลิเมตร สำหรับเรือนที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็น รุ่น 46 มิลลิเมตร สีเงิน (Silver) ครับ

เมื่อพลิกดูด้านซ้ายของตัวเรือน จะพบกับ ลำโพงเสียงภายนอก 1 ตัว นอกนั้นไม่มีปุ่มกดใดๆ

ส่วนด้านขวาของตัวเรือน จะมีปุ่มควบคุม 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ (ด้านบน) และ ปุ่มโฮม (ด้านล่าง) ใกล้ๆ กันมี ไมโครโฟน สำหรับฟังก์ชันการสั่งงานด้วยเสียง และคุยโทรศัพท์

ใต้ตัวเรือนมี เซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ติดตั้งอยู่ ภายในบรรจุแบตเตอรี่ขนาด 472mAh ซึ่งจากการทดสอบโดยทีมงาน สามารถใช้งานได้นานถึง 3 วันเต็มๆ เลยทีเดียวครับ

สายรัดข้อมือของ Samsung Galaxy Watch เป็นยางที่มีคุณสมบัติเหนียว ทนทาน และไม่ลื่น นอกจากนี้ยังไม่อมน้ำ จึงไม่มีกลิ่นอับ และไม่ทำให้คันเมื่อใส่ไปนานๆ ตัวสายสามารถปรับความกระชับได้ 11 ระดับ และเป็น สายนาฬิกาขนาดมาตรฐาน 22 มิลลิเมตร จึงสามารถนำสายนาฬิกาชนิดอื่นมาเปลี่ยนได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อสายสำหรับ Galaxy Watch โดยเฉพาะแต่อย่างใด

กรอบหน้าปัดสามารถหมุนได้ ใช้ในการเลื่อนไปทางซ้าย หรือขวา แทนการปัดหน้าจอ

เมื่อปล่อยมือไว้ข้างลำตัว Galaxy Watch จะปิดหน้าจอโดยอัตโนมัติเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ และจะเปิดหน้าจอขึ้นเองเมื่อยกขึ้นมาดูนาฬิกา

คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของ Galaxy Watch คือ การกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 และ 5ATM จึงสามารถใส่ไปว่ายน้ำได้สบายๆ

Samsung Galaxy Watch มาพร้อมกับ แท่นชาร์จแบบไร้สาย พร้อมด้วยอแดปเตอร์และสาย micro-USB เช่นเดียวกับรุ่นก่อน เมื่อเชื่อมต่อแท่นชาร์จเข้ากับแหล่งจ่ายไฟแล้ว เราสามารถชาร์จ Galaxy Watch ได้ด้วยการวางลงไปบนแท่นชาร์จดังภาพด้านบน ซึ่งตัวแท่นจะมีแม่เหล็กช่วยยึดตัวนาฬิกาเอาไว้ไม่ให้หลุดไปไหน สำหรับเวลาในการชาร์จจาก 1% ถึง 100% จะอยู่ที่ราวๆ 2 ชั่วโมง

เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์ของ Samsung Galaxy Watch

เมื่อ Samsung Gear ถูกรีแบรนด์เป็น Galaxy Watch แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่ใช้จับคู่กับนาฬิกา ก็มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เช่นกันเป็น Galaxy Wearable สำหรับท่านใดที่มีสมาร์ทโฟน Samsung และมีแอปพลิเคชัน Samsung Gear อยู่แล้ว ระบบจะทำการอัปเดตเป็น Samsung Wearable ให้เราผ่าน Galaxy Apps โดยอัตโนมัติ เมื่อเราพยายามเชื่อมต่อกับ Galaxy Watch ด้วยบลูทูธครั้งแรกครับ

แม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อใหม่แต่อินเทอร์เฟซและการใช้งานต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม โดยเราสามารถเข้าไปจัดการข้อมูลต่างๆ ภายใน Galaxy Watch ผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ได้ ไม่ว่าจะเป็นการ เพิ่ม หรือลบทางลัดแอปพลิเคชัน, ตั้งค่าหน้าจอ, ย้ายไฟล์จากสมาร์ทโฟนไปยัง Galaxy Watch, เปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดนาฬิกา และ ค้นหานาฬิกา เป็นต้น

ความสนุกอย่างหนึ่งของการใช้งาน Galaxy Watch คู่กับแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable คือ การเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบมีเข็ม, แบบกลไก, แบบดิจิทัล ไปจนถึงหน้าปัดที่มีลูกเล่นการขยับต่างๆ ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดจากในแอปพลิเคชันโดยตรง มีทั้งแบบเสียเงินซื้อ และแบบดาวน์โหลดฟรี เมื่อดาวน์โหลดหน้าปัดใหม่เรียบร้อยแล้ว เราสามารถเปลี่ยนหน้าปัดได้ทันทีทั้งจากในแอปพลิเคชัน และบนตัวนาฬิกาโดยตรง ด้วยการกดค้างที่หน้าปัดช่วยให้ Galaxy Watch ของเรามีหน้าตาไม่ซ้ำซากจำเจครับ

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่มีประโยชน์ของ Galaxy Wearable คือ การค้นหานาฬิกาส่วนตัว ซึ่งจะสั่งให้ Galaxy Watch ของเราส่งเสียงเตือนและสั่นอย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่ Galaxy Watch ไม่ได้อยู่ในระยะสัญญาณบลูทูธ เราสามารถใช้คำสั่ง ระบุตำแหน่ง เพื่อแสดงพิกัดล่าสุดของนาฬิกาบน Google Maps ได้ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งล็อก หรือรีเซ็ท Galaxy Watch ของเราจากระยะไกลได้อีกด้วย

ในหน้าการจัดการทั่วไป จะมี ฟังก์ชันการตรวจสอบหน่วยความจำทั้ง RAM และ ROM ซึ่งจะมีตัวเลือกในการล้างไฟล์ขยะ และจัดการไฟล์ที่เก็บไว้ใน Galaxy Watch รวมไปถึง ฟังก์ชันการตรวจสอบการใช้แบตเตอรี่ ซึ่งจะรายงานปริมาณแบตเตอรี่ และระยะเวลาที่เหลืออยู่ พร้อมทั้งสถิติการใช้พลังงานของแอปพลิเคชันแต่ละตัว และยังสามารถเปิด โหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งจะจำกัดฟังก์ชันการทำงานบางอย่างของ Galaxy Watch เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานที่เหลืออยู่ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

ในการอัปเดตซอฟท์แวร์ของ Galaxy Watch สามารถทำผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ได้ โดยไปที่ การตั้งค่า > เกี่ยวกับนาฬิกา > อัปเดตซอฟท์แวร์นาฬิกา

เมื่อกดปุ่มย้อนกลับ 1 ครั้ง จะเข้าสู่หน้า เมนูแอปพลิเคชัน ซึ่งเราสามารถเพิ่ม และลบแอปพลิเคชันในหน้านี้ได้ตามต้องการ

เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้ว Samsung Galaxy Watch สามารถโทรออก และรับสายได้ ผ่านแอปพลิเคชันโทรศัพท์ โดยปุ่มตัวเลขจะแสดงเป็นวงกลม ซึ่งสามารถใช้นิ้วกดตรงๆ หรือเลือกด้วยการหมุนกรอบนาฬิกาก็ได้

นอกจากนี้ยังสามารถ ดูรายชื่อผู้ติดต่อ ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนได้ด้วย

เมื่อมีสายโทรเข้า จะมีการแสดงหมายเลขบนหน้าปัดของ Galaxy Watch ด้วย ซึ่ง เราสามารถรับสาย หรือวางสายจากหน้าจอ Galaxy Watch ได้เลย

เมื่อกดรับสาย เสียงของอีกฝ่ายจะดังออกมาทางลำโพงของ Galaxy Watch ซึ่ง เราสามารถคุยโต้ตอบผ่านไมโครโฟนของตัวนาฬิกาได้ แต่การคุยโทรศัพท์ผ่านนาฬิกาข้อมืออาจจะดูแปลกๆ จึงแนะนำว่าให้ใช้งานร่วมกับหูฟัง Bluetooth จะดีกว่าครับ

เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้ว การแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งจากแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย, ข้อความ SMS และการโทร จะแสดงบน Samsung Galaxy Watch ด้วย ช่วยให้เราอ่านข้อความจากแชท หรือแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็วจากบนหน้าปัดนาฬิกา นอกจากนี้เรายังสามารถส่งข้อความ SMS จาก Galaxy Watch ได้โดยตรงอีกด้วย

นอกจากการแจ้งเตือนต่างๆ แล้ว Samsung Galaxy Watch ยัง ซิงค์ข้อมูลกับตารางการนัดหมาย และการเตือนกิจกรรมต่างๆ ที่บันทึกอยู่ในสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งเราสามารถดู และสร้างการเตือนใหม่ได้จาก Galaxy Watch โดยตรง ด้วยการพิมพ์ผ่าน soft keyboard บนหน้าจอนาฬิกา หรือสั่งการด้วยเสียงผ่าน Bixby ก็ได้

สำหรับการเล่นเพลงด้วย Samsung Galaxy Watch นั้นจะทำได้ 2 แบบ ได้แก่ การสั่งให้สมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับ Galaxy Watch เล่นเพลงที่มีอยู่ในเครื่อง โดยเราสามารถควบคุมการเล่น และปรับระดับเสียงได้ ซึ่งในกรณีนี้เสียงเพลงจะไม่ออกจากลำโพงของ Galaxy Watch แต่จะออกจากสมาร์ทโฟน หากเราเชื่อมต่อหูฟังอยู่ (ทั้งแบบมีสายและไร้สาย) เสียงเพลงก็จะออกมาตามหูฟังตามปกติ

ส่วนอีกแบบหนึ่ง คือ การเล่นเพลงที่มีอยู่ในหน่วยความจำภายในของ Galaxy Watch โดยตรง ซึ่งเสียงเพลงจะดังออกมาจากลำโพงของ Galaxy Watch เราสามารถสลับการเล่นเพลงจากสมาร์ทโฟน และจาก Galaxy Watch โดยตรงได้ โดยกดที่ไอคอนที่อยู่ทางด้านขวาของไอคอนปรับระดับเสียง ซึ่งไอคอนดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นรูปนาฬิกาเมื่อเล่นเพลงจาก Galaxy Watch และจะเปลี่ยนเป็นรูปโทรศัพท์เมื่อเล่นเพลงจากสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ดี ทางทีมงานไม่แนะนำให้ใช้ Galaxy Watch เพื่อการฟังเพลงเป็นหลัก เนื่องจากเสียงที่ออกมานั้นค่อนข้างเบา และไม่ค่อยมีคุณภาพเมื่อเทียบกับการเล่นจากสมาร์ทโฟน อีกทั้งหน่วยความจำภายใน (ROM) ของ Galaxy Watch ยังมีเพียงแค่ 4GB เท่านั้น เมื่อรวมกับระบบปฏิบัติการและซอฟท์แวร์ที่จำเป็นอื่นๆ แล้ว จะเหลือให้ใช้งานไม่ถึง 2GB จึงเก็บเพลงได้ไม่มากเท่าที่ควร

สำรวจฟังก์ชัน Fitness Tracking ของ Samsung Galaxy Watch

การติดตามสถิติการออกกำลังการและข้อมูลเชิงสุขภาพเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่สำคัญของ Samsung Galaxy Watch ซึ่งเรา สามารถตั้งโปรไฟล์ของตนเอง เช่น เพศ อายุ และส่วนสูง เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสุขภาพในภายหลัง โดยข้อมูลเหล่านี้จะซิงค์กับแอปพลิเคชัน Samsung Health บนสมาร์ทโฟนด้วย

Samsung Galaxy Watch จะมีหน้าเมนูที่แสดงข้อมูลการออกกำลังอย่างคร่าวๆ ของเราเอาไว้ ได้แก่ จำนวนก้าวของการเดินในแต่ละวัน, ปริมาณการเผาผลาญแคลเลอรี, จำนวนขั้นของการขึ้นบันได และ อัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งเราสามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดได้

เมื่อเรากดที่จำนวนก้าว จะเป็นการแสดงรายละเอียดเพิ่มเติม เช่นระยะทางรวม, จำนวนก้าวของวันอื่นๆ เปรียบเทียบกัน เป็นต้น

และเมื่อกดที่ปริมาณการเผาผลาญแคลเลอรี่ จะเป็นการแสดงรายละเอียดว่าในวันนี้เราได้เผาผลาญแคลเลอรีด้วยกิจกรรมใดบ้าง และเผาผลาญไปเท่าไหร่

และยังมีสรุประยะเวลาในการออกกำลังกายโดยรวมเป็นรายสัปดาห์ พร้อมกราฟเปรียบเทียบระยะเวลาการออกกำลังกายในแต่ละวัน

ในการออกกำลังกายแต่ละครั้ง เราสามารถเลือกให้ Samsung Galaxy Watch ติดตาม และให้คำแนะนำในการออกกำลังกายได้ โดยสามารถเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน, การวิ่ง, การปั่นจักรยาน, การว่ายน้ำ และอื่นๆ

อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy Watch จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของเรา และรู้ได้เองว่าเรากำลังออกกำลังกายแบบไหนอยู่ และจะทำการเก็บข้อมูลให้ทันที โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปเลือกรูปแบบการออกกำลังก่อนแต่อย่างใด

เมื่อหยุดออกกำลังกายได้สักพัก Samsung Galaxy Watch จะสรุปผลการออกกำลังกายให้เราด้วยการแสดงระยะเวลาของกิจกรรม และปริมาณแคลเลอรีที่เผาผลาญไปโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ Samsung Galaxy Watch ยังมี ฟังก์ชันตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งนอกจากจะแสดงตัวเลขให้เราเห็นแล้ว ยังบอกด้วยว่าตัวเลขดังกล่าวสูงหรือต่ำกว่าค่าที่ควรจะเป็นแค่ไหน ช่วยให้เราควบคุมการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับที่ต้องการได้ ซึ่งแต่ละระดับก็จะส่งผลต่อการออกกำลังกายที่แตกต่างกันไป เช่นเน้นการลดน้ำหนัก หรือเน้นการเพิ่มขีดจำกัดของร่างกายเป็นต้นครับ

นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งเราสามารถ บันทึกปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวัน รวมถึงปริมาณกาแฟที่ดื่มลงใน Galaxy Watch ได้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำไปคำนวนเป็นสถิติเพื่อสรุปข้อมูลเชิงสุขภาพของเราในภายหลังครับ

สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy Watch

Samsung Galaxy Watch เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นต่อยอดจากตระกูล Galaxy Gear ที่ยังคงรักษาจุดเด่นของรุ่นก่อนๆ เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่สามารถเป็นได้ทั้งนาฬิกาแบบแฟชั่น และแบบสปอร์ต โดยมีหน้าปัดให้เลือกเปลี่ยนหลากหลายรูปแบบ ตัวเรือนมีความแข็งแรงทนทานด้วยวัสดุสแตนเลสซึ่งแข็งแกร่งเทียบเท่ามาตรฐานของอุปกรณ์ทางการทหาร ( MIL-810G ) อีกทั้งยังมีคุณสมบัติกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 และ 5ATM ทำให้ใส่ไปทำกิจกรรมลุยๆ ได้อย่างไร้กังวล แม้กระทั่งการใส่ว่ายน้ำ นอกจากนี้กรอบหน้าปัดนาฬิกาที่หมุนได้ยังช่วยให้การใช้งานสะดวกกว่าสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ อีกด้วย

นอกเหนือจากดีไซน์ภายนอก ฟังก์ชันต่างๆ ของ Samsung Galaxy Watch ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราได้ในหลายๆ ด้านเมื่อเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย, การโทรศัพท์ที่สามารถรับสาย หรือโทรออกจากตัว Galaxy Watch ได้ทันที และที่สำคัญคือฟังก์ชันการติดตามข้อมูลเชิงสุขภาพ และการนอนหลับพักผ่อน ที่ช่วยให้เราเห็นความเป็นไปของสุขภาพ และพัฒนาการของร่างกายจากการออกกำลังได้ชัดเจนขึ้น ส่งผลให้เราควบคุมการสร้างเสริมสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Samsung Galaxy Watch คือแบตเตอรี่ขนาด 470 mAh ที่มอบระยะเวลาการใช้งานได้ยาวนานหลายวัน จึงสามารถใส่ไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมนอกบ้านหลายๆ วันได้โดยไม่ต้องคอยหาที่ชาร์จให้วุ่นวาย

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สามารถสรุปได้ว่า Samsung Galaxy Watch เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ครบเครื่อง และสมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน ที่ไม่เพียงตอบโจทย์คนรักการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพ, ต้องการความสะดวกคล่องตัว หรือต้องการใช้งานในเชิงแฟชั่นอีกด้วยครับ

Samsung Galaxy Watch วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ โดยมีราคาอยู่ที่ 12,900 บาทสำหรับรุ่น 46 มิลลิเมตร และ 11,900 บาท สำหรับรุ่น 42 มิลลิเมตร โดยรุ่น 46 มิลลิเมตรจะมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือสีเงิน (Silver) ส่วนรุ่น 42 มิลลิเมตรจะมีให้เลือก 2 สีคือสีดำ (Black) และสีขมพู (Rose Gold) ครับ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy Watch

- ดีไซน์ภายนอกที่เป็นได้ทั้งนาฬิกาสปอร์ต และนาฬิกาที่ใส่ในชีวิตประจำวัน สามารถเปลี่ยนหน้าปัดได้หลายแบบเพื่อให้เข้ากับตัวผู้ใช้ได้ - มีหน้าปัดให้เลือก 2 ขนาด คือ 46 มิลลิเมตร และ 42 มิลลิเมตร - ตัวเครื่องเป็นสแตนเลส เกรด 316L แข็งแรงทนทานเทียบเท่ามาตรฐานการใช้งานในกองทัพ (MIL-STD-810G) - สามารถนำสายนาฬิกาขนาด 22 มิลลิเมตรสำหรับนาฬิกาทั่วไป มาใส่แทนสายของ Galaxy Watch ได้ - จอสัมผัสแบบ Super AMOLED พร้อมกระจกกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass DX+ - หน้าปัดนาฬิกาวงกลมแบบหมุนได้ ช่วยให้ควบคุมการใช้งานได้ง่ายกว่าสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ - สายนาฬิกาที่มากับตัวเครื่องเป็นยางที่มีความเหนียว และไม่อมน้ำ ทำให้ไม่เหม็นอับเมื่อสวมใส่เป็นเวลานานๆ - รองรับสายนาฬิกาขนาดมาตรฐาน 22 มิลลิเมตร จึงสามารถนำสายนาฬิกาทั่วๆ ไปมาเปลี่ยนได้ - มีชิปรับสัญญาณดาวเทียม GPS และ Glonass ในตัว - มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจในตัว (Heart Rate Sensor) - มีเซ็นเซอร์ Altimeter และ Barometer สำหรับตรวจวัดความสูง และความกดอากาศ - รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi, NFC และ Bluetooth 4.2 - สามารถตรวจจับการออกกำลังกายของผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ และติดตามผลได้ทันที - มีคุณสมบัติกันน้ำตามมาตรฐาน IP68 และ 5ATM สามารถใส่ว่ายน้ำได้ - ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Exynos 9110 ความเร็ว 1.15 GHz - ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Tizen OS 4.0 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 768 MB - หน่วยความจำรอม (ROM) ขนาด 4 GB - สามารถใช้ฟังเพลงได้ในตัว - แบตเตอรี่ความจุ 470 mAh ที่ใช้งานได้นานหลายวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว - รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย

Leave a Comment